KEY
POINTS
นายซันนี่ ชาง (Sunny Shang) ประธานหัวเว่ย คลาวด์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของ Gartner® หัวเว่ย คลาวด์ได้เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบ IaaS (Infrastructure as a Service: IaaS) อันดับ 2 ของประเทศไทย
ทั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพ และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในประเทศ สอดคล้องกับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ของหัวเว่ย คลาวด์ในเวทีโลก รวมถึงโลโก้ใหม่และสโลแกน The AI Pioneer in Industries ซึ่งมีพันธกิจในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้ก้าวสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI)
ทั้งนี้ ภายใต้กลยุทธ์ In Local, For Local ที่มุ่งเน้นการดำเนินงานในประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพด้านการให้บริการในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน หัวเว่ย คลาวด์ มีศูนย์ข้อมูล (Availability Zone) ทั้งหมด 3 แห่งทั่วประเทศไทย
โดยสามารถให้บริการคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ด้วยค่าความหน่วง (Latency) ต่ำสุดเพียง 12 มิลลิวินาที มีการสนับสนุนจากทีมงานและพันธมิตรในระบบนิเวศภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบัน หัวเว่ย คลาวด์ ให้บริการลูกค้าชาวไทยมากกว่า 1,000 ราย
นายซันนี่ ซาง กล่าวอีกว่า หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งส่งเสริมศักยภาพองค์กรไทยผ่าน 3 จุดแข็งหลัก ได้แก่ ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ (Security & Reliability) ,การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI-Driven Evolution) และการให้บริการที่เข้าใจบริบทท้องถิ่น (Localized Services) โดยให้บริการคลาวด์และโซลูชันมากกว่า 110 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงโมเดลขนาดใหญ่เฉพาะอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน หัวเว่ย คลาวด์ ได้สนับสนุนการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลให้กับหน่วยงานภาครัฐไทยกว่า 40 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาแชตบอตอัจฉริยะ ระบบฐานความรู้ด้วย AI ไปจนถึงการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภายในประเทศ โซลูชันแบบครบวงจรของหัวเว่ย คลาวด์ ช่วยลดความซับซ้อนและอุปสรรคในการนำระบบคลาวด์มาใช้ รวมถึงรับประกันความเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมทาง IT ที่หลากหลาย นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้สร้างระบบนิเวศด้าน AI ที่แข็งแกร่ง โดยพัฒนาทักษะและฝึกอบรมนักพัฒนาไทยแล้วกว่า 20,000 ราย
สำหรับแนวทางการวางตำแหน่งแบรนด์ใหม่ภายใต้แนวคิด The AI Pioneer in Industries สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาโซลูชันเฉพาะอุตสาหกรรม ในประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ ได้นำศักยภาพหลักในสามด้านสำคัญมาใช้เพื่อเร่งการทรานส์ฟอร์มสู่ความอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่
1. การสนับสนุนโมเดลกระแสหลัก เสริมรากฐาน AI ให้แข็งแกร่ง หัวเว่ย คลาวด์ เดินหน้ายกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ผ่านบริการคลาวด์ Ascend AI ที่รองรับโมเดลโอเพ่นซอร์สชั้นนำระดับโลก เช่น DeepSeek, Qwen และ GLM โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเก็บ การฝึกอบรม ไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง แพลตฟอร์มฝึกอบรมของหัวเว่ย คลาวด์ มีความเสถียรในระดับอุตสาหกรรม รองรับการฝึกโมเดลอย่างต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 40 วัน พร้อมระบบกู้คืนการทำงาน (task recovery) ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
,2.แพลตฟอร์มระดับองค์กรเพื่อการใช้งาน AI อย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์ม Versatile Agent จากหัวเว่ย คลาวด์ ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาและการนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง AI Agent ได้ภายในเพียงสองขั้นตอน ลดความซับซ้อนในการพัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดระยะเวลาการตอบสนองได้มากกว่า 40% นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังนำเสนอ โซลูชันแบบบูรณาการสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
และ3.ความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมและประสบการณ์ระดับโลกที่พิสูจน์แล้ว หัวเว่ย คลาวด์ มีประสบการณ์ในการประยุกต์ใช้โซลูชันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับโลก ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ (Pangu Government), ภาคการเงิน (Pangu Finance), ภาคอุตสาหกรรม (Pangu Predict), ภาคสาธารณสุข (Pangu Medical) ตลอดจนเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving)
“หัวเว่ย คลาวด์ จะยังมุ่งลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทักษะบุคลากร และการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”