KEY
POINTS
นางสาวมิสซี่ ยาง ผู้จัดการประจำ การ์มิน ประเทศไทย เปิดเผยว่า GARMIN ผู้นำเทคโนโลยีจีพีเอสและสมาร์ทวอทช์ ประกาศขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยจะตั้งโรงงานแห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และคาดว่าจะเดินสายการผลิตได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569
โรงงานดังกล่าวพัฒนาภายใต้มาตรฐานสากลด้านการจัดการพลังงาน ISO 50001 และใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานด้วยระบบโซลาร์เซลล์ สอดรับกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจแนวดิ่ง (Vertical Integration) ที่บริษัทบริหารตั้งแต่วิศวกรรม การผลิต การตลาด จนถึงการให้บริการ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพทั้งสายการผลิตและปรับตัวต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมได้อย่างทันท่วงที
“GARMIN เริ่มจากผลิตภัณฑ์ GPS เพื่อการบินและยานยนต์ ก่อนพัฒนาสู่สมาร์ทวอทช์ออกกำลังกายและขยายสู่กิจกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส และสุขภาพ ความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 36 ปี เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทก้าวสู่ผู้นำตลาดและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย เป็นเวลาเกือบ 5 ปีนับตั้งแต่ที่ GARMIN ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เราได้รับความเชื่อมั่นและกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด โดยในครึ่งปีแรกของปี 2568 GARMIN ประเทศไทยมีรายได้เติบโตกว่า 35% จากปีที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราขยายตัวสูงสุดของภูมิภาค”
ด้าน นางสาวศุภรดา จรูญโรจน์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า กระแสสุขภาพในประเทศไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวโน้ม “Longevity” ที่คนไทยให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการมีชีวิตยืนยาวควบคู่กับคุณภาพชีวิตทั้งกายและใจ “ข้อมูลจาก Harvard Health Publishing ระบุว่าพันธุกรรมมีอิทธิพลต่ออายุขัยของมนุษย์เพียง 25% ส่วนที่เหลือกว่า 75% มาจากวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพของตนเอง เทคโนโลยีสมาร์ทวอทช์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้เท่าทันสุขภาพของตนเอง แต่สำหรับ GARMIN เราเชื่อว่าสมาร์ทวอทช์สามารถทำได้มากกว่านั้น โดยเราพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเฉพาะบุคคล เสมือนมีโค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ในทุก ๆ วัน”
นางสาวศุภรดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟีเจอร์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยชุดใหม่นี้ถูกนำร่องใช้ในสมาร์ทวอทช์รุ่น Venu 4 และ Descent S1 ส่วนเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS ถูกบรรจุใน fēnix 8 Pro Series เป็นครั้งแรก ขณะเดียวกัน GARMIN ยังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์หน้าจอ MicroLED รุ่นแรกของโลก “fēnix 8 – MicroLED” และ “fēnix 8 Pro – MicroLED” ที่ให้ความสว่างสูงขึ้น มุมมองกว้างขึ้น และทนทานมากกว่าเดิมถึงสามเท่า แม้ในปีนี้ GARMIN ประเทศไทยจะนำเข้าจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวในซีรีส์ แต่บริษัทจะยังคงร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศเพื่อผลักดันให้เทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS สามารถใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ GARMIN ยังเดินหน้าทำงานวิจัยร่วมกับพันธมิตรในหลายประเทศผ่านโครงการ GARMIN Health เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพและความสุข ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด วอร์วิค ซัสแคตเชวัน และบริษัท Avicenna Research รวมถึงโครงการวิจัยด้านสุขภาพแม่และทารกร่วมกับ King’s College และการศึกษาผลกระทบของการเดินทางในอวกาศร่วมกับสถาบัน TRISH แห่งมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการของบริษัท การ์มิน ชลบุรี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท GARMIN Ltd. (Switzerland) เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ (GPS Smart Watch) และอุปกรณ์นำทางอัจฉริยะ สำหรับยานยนต์และการเดินเรือ (GPS Navigator) ภายใต้แบรนด์ GARMIN มูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตแห่งแรกในอาเซียนของบริษัท คาดว่าจะเริ่มผลิตภายในปี 2569 เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของภูมิภาคอาเซียน