ไทยเนื้อหอม GARMIN ลุยตั้งฐานผลิตสมาร์ทวอทช์ รับเมกะเทรนด์สุขภาพ

02 พ.ย. 2568 | 06:34 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ย. 2568 | 06:49 น.

GARMIN เดินหน้าขยายฐานการผลิตสู่ภูมิภาคเอเชีย ตั้งโรงงานแห่งแรกในไทยที่ชลบุรี คาดเดินสายการผลิตได้ปลายปี 69 รองรับความต้องการสมาร์ทวอทช์ทั่วโลก หลังรายได้ครึ่งปีแรกพุ่งแตะ 3.34 พันล้านดอลลาร์ โต 16% ด้านไทยโตแรง 35% สะท้อนศักยภาพตลาดสุขภาพและความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย

KEY

POINTS

  • การ์มิน (GARMIN) ประกาศตั้งฐานการผลิตสมาร์ทวอทช์แห่งแรกในอาเซียนที่จังหวัดชลบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
  • โรงงานแห่งใหม่จะผลิตสมาร์ทวอทช์และอุปกรณ์ GPS เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569
  • การลงทุนครั้งนี้เป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยและเพื่อรองรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนจากรายได้ของการ์มินในไทยที่โตขึ้นกว่า 35%

นางสาวมิสซี่ ยาง ผู้จัดการประจำ การ์มิน ประเทศไทย เปิดเผยว่า GARMIN ผู้นำเทคโนโลยีจีพีเอสและสมาร์ทวอทช์ ประกาศขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยจะตั้งโรงงานแห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และคาดว่าจะเดินสายการผลิตได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569

โรงงานดังกล่าวพัฒนาภายใต้มาตรฐานสากลด้านการจัดการพลังงาน ISO 50001 และใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานด้วยระบบโซลาร์เซลล์ สอดรับกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจแนวดิ่ง (Vertical Integration) ที่บริษัทบริหารตั้งแต่วิศวกรรม การผลิต การตลาด จนถึงการให้บริการ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพทั้งสายการผลิตและปรับตัวต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมได้อย่างทันท่วงที

ไทยเนื้อหอม GARMIN ลุยตั้งฐานผลิตสมาร์ทวอทช์ รับเมกะเทรนด์สุขภาพ บริษัทระบุว่าในครึ่งปีแรกทำรายได้รวม 3.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 109.46 พันล้านบาท เติบโต 16% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ประเทศไทยรายได้เติบโตมากกว่า 35% สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและทิศทางตลาดสุขภาพที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง

GARMIN เริ่มจากผลิตภัณฑ์ GPS เพื่อการบินและยานยนต์ ก่อนพัฒนาสู่สมาร์ทวอทช์ออกกำลังกายและขยายสู่กิจกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส และสุขภาพ ความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 36 ปี เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทก้าวสู่ผู้นำตลาดและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย เป็นเวลาเกือบ 5 ปีนับตั้งแต่ที่ GARMIN ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เราได้รับความเชื่อมั่นและกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด โดยในครึ่งปีแรกของปี 2568 GARMIN ประเทศไทยมีรายได้เติบโตกว่า 35% จากปีที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราขยายตัวสูงสุดของภูมิภาค”

ไทยเนื้อหอม GARMIN ลุยตั้งฐานผลิตสมาร์ทวอทช์ รับเมกะเทรนด์สุขภาพ จากข้อมูลผู้ใช้บน GARMIN Connect พบว่าคนไทยทำกิจกรรมฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีสถิติการทำกิจกรรมเติบโตถึง 40% รองลงมาเป็นกิจกรรมคาร์ดิโอในร่ม เช่น พิลาทิส และ HIIT ที่เติบโตมากกว่า 15% สะท้อนกระแสสุขภาพที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องในประเทศไทย

ด้าน นางสาวศุภรดา จรูญโรจน์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า กระแสสุขภาพในประเทศไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวโน้ม “Longevity” ที่คนไทยให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการมีชีวิตยืนยาวควบคู่กับคุณภาพชีวิตทั้งกายและใจ “ข้อมูลจาก Harvard Health Publishing ระบุว่าพันธุกรรมมีอิทธิพลต่ออายุขัยของมนุษย์เพียง 25% ส่วนที่เหลือกว่า 75% มาจากวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพของตนเอง เทคโนโลยีสมาร์ทวอทช์จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้เท่าทันสุขภาพของตนเอง แต่สำหรับ GARMIN เราเชื่อว่าสมาร์ทวอทช์สามารถทำได้มากกว่านั้น โดยเราพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเฉพาะบุคคล เสมือนมีโค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ในทุก ๆ วัน”

ไทยเนื้อหอม GARMIN ลุยตั้งฐานผลิตสมาร์ทวอทช์ รับเมกะเทรนด์สุขภาพ ในปี 2564 GARMIN ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Sleep Score เพื่อวัดคุณภาพการนอน ก่อนต่อยอดสู่ Sleep Coach ในปี 2566 ที่ให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลแบบเชิงรุก ล่าสุดในรุ่น Venu 4 ได้เพิ่มฟีเจอร์ Sleep Alignment ซึ่งสามารถวิเคราะห์การนอนว่าสอดคล้องกับจังหวะชีวภาพของร่างกาย (Circadian Rhythm) เพียงใด พร้อมฟีเจอร์ Daily Suggested Workouts และ Lifestyle Logging ที่ช่วยบันทึกพฤติกรรมประจำวันอย่างการดื่มกาแฟ ดื่มแอลกอฮอล์ การทำสมาธิ และออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจความสัมพันธ์ของพฤติกรรมเหล่านี้กับการนอน ความเครียด และสุขภาพโดยรวม

ไทยเนื้อหอม GARMIN ลุยตั้งฐานผลิตสมาร์ทวอทช์ รับเมกะเทรนด์สุขภาพ GARMIN ยังพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยภายใต้แนวคิด “Innovation That Protects” ด้วยการนำระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม inReach มาใช้ในสมาร์ทวอทช์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ แชร์ตำแหน่ง หรือขอความช่วยเหลือได้แม้อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ฟังก์ชันนี้ทำงานร่วมกับศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน GARMIN Response Center ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รองรับกว่า 200 ภาษา และมีการรับมือเหตุฉุกเฉินมาแล้วกว่า 17,000 ครั้งในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันยังขยายการใช้นวัตกรรมดังกล่าวสู่การดำน้ำ ผ่านทุ่นอัจฉริยะ “Descent S1” ที่ช่วยให้นักดำน้ำสื่อสารกับทีมงานบนผิวน้ำแบบเรียลไทม์ เพิ่มความปลอดภัยในการดำน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวศุภรดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟีเจอร์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยชุดใหม่นี้ถูกนำร่องใช้ในสมาร์ทวอทช์รุ่น Venu 4 และ Descent S1 ส่วนเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS ถูกบรรจุใน fēnix 8 Pro Series เป็นครั้งแรก ขณะเดียวกัน GARMIN ยังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์หน้าจอ MicroLED รุ่นแรกของโลก “fēnix 8 – MicroLED” และ “fēnix 8 Pro – MicroLED” ที่ให้ความสว่างสูงขึ้น มุมมองกว้างขึ้น และทนทานมากกว่าเดิมถึงสามเท่า แม้ในปีนี้ GARMIN ประเทศไทยจะนำเข้าจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวในซีรีส์ แต่บริษัทจะยังคงร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศเพื่อผลักดันให้เทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS สามารถใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้

นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ GARMIN ยังเดินหน้าทำงานวิจัยร่วมกับพันธมิตรในหลายประเทศผ่านโครงการ GARMIN Health เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพและความสุข ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด วอร์วิค ซัสแคตเชวัน และบริษัท Avicenna Research รวมถึงโครงการวิจัยด้านสุขภาพแม่และทารกร่วมกับ King’s College และการศึกษาผลกระทบของการเดินทางในอวกาศร่วมกับสถาบัน TRISH แห่งมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์

ทั้งนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการของบริษัท การ์มิน ชลบุรี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท GARMIN Ltd. (Switzerland) เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ (GPS Smart Watch) และอุปกรณ์นำทางอัจฉริยะ สำหรับยานยนต์และการเดินเรือ (GPS Navigator) ภายใต้แบรนด์ GARMIN มูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตแห่งแรกในอาเซียนของบริษัท คาดว่าจะเริ่มผลิตภายในปี 2569 เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของภูมิภาคอาเซียน