KEY
POINTS
Apple เปิดตัว Apple Vision Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อม ชิป M5 ทรงพลัง ซึ่งถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพครั้งใหญ่ของอุปกรณ์สวมศีรษะ (Spatial Computer) โดยมอบความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้น ภาพคมชัดกว่าเดิม ระบบ AI ตอบสนองรวดเร็วขึ้น และแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม พร้อมเปิดตัวสายคาดหัวแบบใหม่ Dual Knit Band ที่สวมใส่สบายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์แบบ Immersive ได้ต่อเนื่องยาวนาน
ชิป M5 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรรุ่นที่ 3 มาพร้อมซีพียู 10 คอร์ และจีพียู 10 คอร์ รองรับ Ray Tracing และ Mesh Shading ทำให้ภาพ แสง และเงามีความสมจริงมากขึ้น เช่นในเกมระดับ AAA อย่าง Control ทั้งยังแสดงผลบนจอ micro-OLED ที่ให้ความคมชัดเพิ่มขึ้น 10% และรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz ลดอาการภาพเบลอในระหว่างเคลื่อนไหวหรือเมื่อใช้ฟังก์ชัน Mac Virtual Display
ด้าน AI ถูกขับเคลื่อนด้วย Neural Engine 16 คอร์ ทำให้ฟีเจอร์อย่างการสร้าง Persona หรือการแปลงภาพถ่ายเป็นฉาก 3 มิติ ทำงานเร็วขึ้น 50% และในแอปจากนักพัฒนาภายนอกเร็วขึ้นถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ Apple ยังเปิดทางให้นักพัฒนาใช้เฟรมเวิร์ก Foundation Models เพื่อสร้างแอปที่ผสาน AI และ Spatial Computing เช่น JigSpace ที่ช่วยแปลงข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจง่ายผ่านโมเดล 3 มิติ
ในส่วนของ Dual Knit Band ถูกออกแบบให้มีความกระชับ นุ่ม และระบายอากาศได้ดี ด้วยการถักแบบ 3 มิติในชิ้นเดียว พร้อมโครงสร้าง “ซี่คู่” ที่ช่วยกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล โดยฝังใยทังสเตนไว้ในสายล่างเพื่อถ่วงน้ำหนักให้มั่นคง มีระบบปรับระดับ Fit Dial ที่ละเอียดขึ้น และมีให้เลือก 3 ขนาด (S, M, L) สามารถใช้ร่วมกับ Apple Vision Pro รุ่นเดิมได้
ระบบปฏิบัติการใหม่ visionOS 26 เพิ่มความสามารถด้าน Spatial Experience ผ่านวิดเจ็ตที่อยู่ในพื้นที่รอบตัว Persona โฉมใหม่ที่สื่อสารผ่าน FaceTime ได้สมจริงขึ้น รวมถึงฟีเจอร์สร้างภาพ 3 มิติด้วย Generative AI และรองรับวิดีโอแบบ 180°, 360° และมุมมองกว้างจากกล้องแอ็กชัน พร้อมแอป Vision Pro สำหรับ iPad ที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้
บน App Store มีแอปให้ใช้งานกว่า 1 ล้านแอป และกว่า 3,000 แอปที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ visionOS เช่น HomeByMe, Balenciaga, Christie’s Select, และ Epic Earth ขณะเดียวกัน Apple ยังคงต่อยอดด้านความบันเทิงผ่านคอนเทนต์ Apple Immersive ที่รวมภาพยนตร์และซีรีส์ 3 มิติ เช่น Superman, Jurassic World Rebirth, How to Train Your Dragon และ Wicked รวมถึงเตรียมถ่ายทอดสดเกม NBA แบบ Immersive และคอนเทนต์จาก BBC, HYBE, และ Red Bull ในช่วงต่อไป
ในด้านเกม Apple Vision Pro รองรับคอนโทรลเลอร์ Sony DualSense และ PlayStation VR2 Sense ที่มาพร้อมระบบสั่นและตรวจจับการเคลื่อนไหว 6 ทิศทาง เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเกม Spatial อย่าง Elu Legend, Ping Pong Club, และ Spatial Rifts
Apple Vision Pro ยังตอบโจทย์มืออาชีพและองค์กรที่ต้องการยกระดับการทำงาน เช่น นักออกแบบสามารถสร้างงาน 3 มิติด้วย Crayon หรือ Da Vinci Eye, ช่างภาพแก้ไขภาพผ่าน Pixelmator บน Mac Virtual Display, ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถชมวิดีโอ Spatial จาก iPhone ได้ในจอแบบโอบล้อม และใช้ Logitech Muse สำหรับวาดภาพและทำงานร่วมกันในโลกเสมือนจริง
สำหรับภาคธุรกิจ เช่น CAE ใช้ Apple Vision Pro ฝึกนักบินในสภาพแวดล้อมจำลองจริง, Porsche ให้ลูกค้าปรับแต่งรถในโชว์รูมแบบโต้ตอบ และ Visage Imaging ใช้เทคโนโลยีนี้สร้างภาพทางการแพทย์ 3 มิติ เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Apple Vision Pro รุ่นชิป M5 พร้อม Dual Knit Band มีราคาเริ่มต้นที่ 3,499 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 128,000 บาท) มีให้เลือกความจุ 256GB, 512GB และ 1TB
Apple Vision Pro เปิดให้พรีออเดอร์แล้วใน ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมนี้
ส่วนตลาด จีนและสิงคโปร์ จะเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 17 ตุลาคม และจะทยอยเปิดจำหน่ายใน เกาหลีใต้และไต้หวัน ภายหลัง