ชงแผนสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ ลดผูกขาดต่างชาติ ลดต้นทุน SME 50%

02 ต.ค. 2568 | 01:27 น.

“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” เสนอแนวคิดสร้าง Open Commerce Network (OCN) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ วางโครงสร้างพื้นฐานกลางการค้าออนไลน์ไทย ลดต้นทุนผู้ประกอบการ เสริมขีดความสามารถแข่งขัน ดึงรัฐ–เอกชนร่วมผลักดัน

KEY

POINTS

  • เสนอแนวคิดจัดตั้ง “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ” (Open Commerce Network) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลาง ลดการพึ่งพาและแก้ปัญหาการผูกขาดโดยแพลตฟอร์มต่างชาติ
  • รูปแบบแพลตฟอร์มจะเป็นเครือข่ายกลางแบบเปิดที่เชื่อมโยงผู้ซื้อ ผู้ขาย ระบบขนส่ง และการชำระเงิน (PromptPay/NDID) เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน
  • แผนการดำเนินงานจะเริ่มจากโครงการนำร่องในบางจังหวัดสำหรับสินค้าเกษตร ก่อนขยายผลสู่สินค้า OTOP และสินค้าชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอบริษัทกลุ่ม EfraStructure ผู้เชี่ยวชาญตลาดอีคอมเมิร์ซ บริการดิจิทัล และนักลงทุนสตาร์ทอัพ เปิดเผยว่าผู้ประกอบการ e-Marketplace ไทยทยอยล้มหายจากตลาด ภายใต้แรงกดดันจากแพลตฟอร์มต่างชาติที่ใช้เงินมหาศาลทุ่มตลาด เปิดบริการฟรี ทำโปรโมชั่นลดราคาจนผู้เล่นท้องถิ่นไม่สามารถยืนหยัดได้ เมื่อสามารถครองตลาดได้แล้วจึงปรับขึ้นค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันผู้ขายจำนวนมากต้องแบกรับค่าบริการสูงถึง 15-25% ของยอดขาย ขณะเดียวกัน สินค้าจีนยังทะลักเข้าสู่ตลาดไทยทั้งผ่านระบบศุลกากรและช่องทางออนไลน์ โดยไม่เสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย ยิ่งซ้ำเติมการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

ชงแผนสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ ลดผูกขาดต่างชาติ ลดต้นทุน SME 50% ทั้งนี้ได้เสนอแนวคิดการสร้าง “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ” ภายใต้ชื่อ Open Commerce Network (OCN) ขึ้นมาเพื่อให้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานกลางด้านการค้าดิจิทัล เพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติและสร้างความเป็นธรรมในระบบการแข่งขัน ช่วยยกระดับเอสเอ็มอี เกษตรกร และผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เข้าถึงตลาดออนไลน์ได้กว้างขึ้น

ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยพยายามสร้าง e-Marketplace มากกว่า 20-30 แห่ง แต่ล้มเหลวทั้งหมด เนื่องจากการดำเนินการส่วนใหญ่เป็นเพียงการทำเว็บไซต์ โดยไม่จัดตั้งองค์กรที่มีความพร้อมด้านบุคลากร การบริหารจัดการ และการตลาด ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนให้เติบโตได้จริง แตกต่างจากกรณีอินเดียที่สร้าง ONDC (Open Network for Digital Commerce) ขึ้นในปี 2020 และสามารถขยายเครือข่ายได้มากกว่า 500 เมือง มีร้านค้าร่วมกว่า 250,000 ราย และเกิดการซื้อขายหลายล้านครั้งต่อเดือน กลายเป็นตัวอย่างสำคัญที่ประเทศไทยสามารถนำมาประยุกต์ใช้

ชงแผนสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งชาติ ลดผูกขาดต่างชาติ ลดต้นทุน SME 50%

โดยแนวคิด OCN ถูกออกแบบให้เป็น “ตลาดกลางดิจิทัลแบบเปิด” ที่ทุกฝ่ายสามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงได้ โดยจะวางตัวเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับชาติในลักษณะเดียวกับ PromptPay หรือ NDID เป้าหมายคือเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก-กลางเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ลดต้นทุนค่าธรรมเนียมลงมากกว่าครึ่ง และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจดิจิทัล

โครงสร้างระบบแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ได้แก่ Buyer Interface แอปพลิเคชันจากธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือสตาร์ทอัพ ที่เปิดให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าจากหลายร้าน, Seller Interface สำหรับระบบจัดการร้านค้า POS หรือ e-Marketplace ท้องถิ่นที่เชื่อมเข้ามา, และ Logistics/Payment/Identity Layer ที่ใช้ API กลางเชื่อมบริการขนส่ง การชำระเงิน และการยืนยันตัวตน เช่น PromptPay, NDID และ Data Wallet แนวคิดนี้ยังเปิดให้เชื่อมต่อกับ e-Marketplace เดิมอย่าง Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop ได้ตามแนวคิด “Cross Platform Distribution”

OCN ยังเตรียมเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลและระบบบริการภาครัฐ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมพัฒนาชุมชน ระบบชำระเงิน G-Wallet และเป๋าตัง รวมถึงการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค พร้อมทั้งบูรณาการกับ Local Hub ในแต่ละจังหวัด ให้เทศบาลหรือหน่วยงานท้องถิ่นมีส่วนร่วมคัดกรองสินค้าและดึงผู้ประกอบการชุมชนเข้าสู่แพลตฟอร์ม

แผนดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยปีแรกจะทดลองในจังหวัดนำร่อง เช่น ตราดและจันทบุรี เริ่มจากสินค้าเกษตรและผักผลไม้ พร้อมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์เพื่อจัดส่งรวดเร็ว ปีที่สองจะขยายสู่สินค้าแฟชั่น OTOP และสินค้าชุมชนอื่น ๆ โดยมีพันธมิตรไทยรายใหญ่ เช่น ไปรษณีย์ไทย ธนาคารพาณิชย์ แพลตฟอร์มดิจิทัล และเครือข่ายค้าปลีกอย่าง 7-Eleven เข้าร่วม รวมทั้งจัดตั้งกองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย

ด้านรูปแบบองค์กร เสนอให้จัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดที่รัฐถือหุ้นหลัก และเปิดทางให้เอกชนเข้ามาร่วมถือหุ้นในฐานะนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน รายได้ของบริษัทจะมาจากค่าธรรมเนียมการขายที่ต่ำกว่าตลาด ค่าบริการร้านค้า Premium ระบบ Fulfillment และ Delivery, โฆษณาและโปรโมทร้าน, บริการเสริมด้านคอนเทนต์และแพ็กเกจจิ้ง รวมถึงโครงการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและสิทธิพิเศษจากพันธมิตร

แนวคิด OCN จึงไม่ใช่การสร้างแพลตฟอร์มใหม่เพื่อแข่งขันกับ e-Marketplace เดิมโดยตรง แต่จะทำหน้าที่เป็น “คู่ค้า” ที่ช่วยผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและ OTOP ให้มีบ้านหลังใหม่ในโลกออนไลน์ ลดต้นทุน เสริมโอกาสการค้า และวางรากฐานให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีความแข็งแรงและยั่งยืนในระยะยาว