KEY
POINTS
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์ประเทศไทยในปัจจุบันยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่การแข่งขันที่เข้มข้นและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้ลูกค้ามองหานวัตกรรมที่มีความคุ้มค่าและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลพบว่า 21.1 ล้านครัวเรือนในไทย มีการซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่มากกว่า 800,000 เครื่องในทุกปี โดยในปี 2022 ประเทศไทยมี E-Waste มากถึง 440,000 ตัน และมีเพียงน้อยกว่า 1 % ที่ถูกจัดการอย่างถูกวิธี
บราเดอร์ จึงเห็นโอกาสต่อยอดกลยุทธ์ Brother All เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทั้งด้านธุรกิจและสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็นแคมเปญ ‘ทิ้งไว้ทำซาก เทมาเลยพี่รับเอง’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำเครื่องพิมพ์เก่าขนาด A4 ขึ้นไปทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท พร้อมสิทธิ์การรับประกัน Brother และของสมนาคุณพิเศษ
ด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์บราเดอร์ เลือกเครื่องพิมพ์ 8 รุ่นครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์เพื่อเจาะตลาดแบบครบวงจร ตั้งแต่กลุ่มครัวเรือนและนักศึกษา ที่ต้องการ เครื่องพิมพ์ใช้งานง่ายและคุ้มค่า ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T230, T430W, T530DW กลุ่มครอบครัวและ SME ที่ต้องการฟังก์ชันหลากหลายพร้อมความยืดหยุ่น ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T830DW และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-J2740DW ไปจนถึงกลุ่มองค์กรและผู้ใช้มืออาชีพ ที่ต้องการความรวดเร็ว ความเสถียรและปลอดภัย ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่น HL-L2460DW เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-L2805DW และเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสีรุ่น MFC-L3760CDW ดังนั้นการเลือก product mix ดังกล่าว จึงสะท้อนกลยุทธ์ของบราเดอร์ ที่ต้องการครอบคลุมทุกจุดสัมผัสลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในทุกเซ็กเมนต์ที่ปัจจุบันบราเดอร์เป็นผู้นำตลาดในหลายกลุ่ม
ด้านการตลาดและการสื่อสาร บราเดอร์ ใช้กลยุทธ์ Omnichannel ผสานออนไลน์ ออฟไลน์ และเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยเน้น B2C มากขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, TikTok และ YouTube ผ่านการใช้อินฟลูเอนเซอร์และ KOLs ขยายการเข้าถึงและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงานยุคใหม่ ควบคู่กับการใช้สื่อ Out-of-Home เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นการรับรู้ แต่ยังเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในฐานะที่ เข้าถึงง่าย เป็นมิตร และจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และส่งผลให้แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเสริม Loyalty Program ของบราเดอร์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
“เราตั้งเป้าว่าภายใน 2 เดือนจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 ราย ประเมินเป็นการนำ E-Waste ออกจากระบบหลายตัน ซึ่งนอกจากจะสร้างยอดขายที่จับต้องได้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำโปรโมชันสามารถสร้างอิมแพคด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยหลังสิ้นสุดแคมเปญบราเดอร์ จะต่อยอดด้วยโครงการรายงานผลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อย CO₂ และปริมาณ e-waste ที่ถูกรีไซเคิล เพื่อตอกย้ำการเป็นองค์กรที่ไม่ได้มองแค่การขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คือ การสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ ลูกค้า และสังคม เติบโตเคียงข้างลูกค้าและโลกอย่างยั่งยืน” นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย