บราเดอร์ พลิกเกมตลาด เปิดแคมเปญ‘ทิ้งไว้ทำซาก’เปลี่ยน E-Waste เป็นโอกาส

23 ก.ย. 2568 | 12:00 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2568 | 12:10 น.

บราเดอร์ เปิดแคมเปญ “ทิ้งไว้ทำซาก เทมาเลยพี่รับเอง” ให้ลูกค้านำเครื่องพิมพ์เก่าขนาด A4 ขึ้นไปทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท พร้อมสิทธิ์การรับประกันและของสมนาคุณพิเศษ สำหรับเครื่องพิมพ์ใหม่ 8 รุ่นที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2568

KEY

POINTS

  • บราเดอร์เปิดแคมเปญ ‘ทิ้งไว้ทำซาก’ ให้ลูกค้านำเครื่องพิมพ์เก่าทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาทสำหรับซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่
  • มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการจัดการซากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกวิธี
  • ใช้กลยุทธ์เจาะตลาดทุกกลุ่มลูกค้า โดยเลือกเครื่องพิมพ์ 8 รุ่นที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ผู้ใช้ตามบ้านไปจนถึงองค์กร พร้อมทำการตลาดแบบ Omnichannel เพื่อกระตุ้นยอดขาย

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์ประเทศไทยในปัจจุบันยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่การแข่งขันที่เข้มข้นและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้ลูกค้ามองหานวัตกรรมที่มีความคุ้มค่าและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อมูลพบว่า 21.1 ล้านครัวเรือนในไทย มีการซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่มากกว่า 800,000 เครื่องในทุกปี โดยในปี 2022 ประเทศไทยมี E-Waste มากถึง 440,000 ตัน และมีเพียงน้อยกว่า 1 % ที่ถูกจัดการอย่างถูกวิธี

บราเดอร์ จึงเห็นโอกาสต่อยอดกลยุทธ์ Brother All เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทั้งด้านธุรกิจและสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็นแคมเปญ ‘ทิ้งไว้ทำซาก เทมาเลยพี่รับเอง’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำเครื่องพิมพ์เก่าขนาด A4 ขึ้นไปทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท พร้อมสิทธิ์การรับประกัน Brother และของสมนาคุณพิเศษ

บราเดอร์ พลิกเกมตลาด เปิดแคมเปญ‘ทิ้งไว้ทำซาก’เปลี่ยน E-Waste เป็นโอกาส สำหรับเครื่องพิมพ์ทั้ง 8 รุ่น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนซากเครื่องพิมพ์ที่ไร้ค่าให้กลายเป็นคุณค่าเชิงธุรกิจและสิ่งแวดล้อม โดยลูกค้าได้เครื่องพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และใช้งานง่าย ขณะที่สังคมได้ประโยชน์จากการลดปัญหา E-Waste และเพื่อให้แคมเปญนี้ตอบโจทย์อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าบราเดอร์จึงได้วางกลยุทธ์ในแต่ละมิติอย่างเป็นระบบ”

ด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์บราเดอร์ เลือกเครื่องพิมพ์ 8 รุ่นครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์เพื่อเจาะตลาดแบบครบวงจร ตั้งแต่กลุ่มครัวเรือนและนักศึกษา ที่ต้องการ เครื่องพิมพ์ใช้งานง่ายและคุ้มค่า ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T230, T430W, T530DW กลุ่มครอบครัวและ SME ที่ต้องการฟังก์ชันหลากหลายพร้อมความยืดหยุ่น ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T830DW และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-J2740DW ไปจนถึงกลุ่มองค์กรและผู้ใช้มืออาชีพ ที่ต้องการความรวดเร็ว ความเสถียรและปลอดภัย ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่น HL-L2460DW เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-L2805DW และเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสีรุ่น MFC-L3760CDW ดังนั้นการเลือก product mix ดังกล่าว จึงสะท้อนกลยุทธ์ของบราเดอร์ ที่ต้องการครอบคลุมทุกจุดสัมผัสลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในทุกเซ็กเมนต์ที่ปัจจุบันบราเดอร์เป็นผู้นำตลาดในหลายกลุ่ม

บราเดอร์ พลิกเกมตลาด เปิดแคมเปญ‘ทิ้งไว้ทำซาก’เปลี่ยน E-Waste เป็นโอกาส ในขณะที่กลยุทธ์ด้านราคา บราเดอร์ ใช้แนวคิด “Value Upgrade” โดยกำหนดส่วนลดที่แตกต่างตามศักยภาพของสินค้า ตั้งแต่ 500 บาทสำหรับรุ่นเริ่มต้น ไปจนถึง 2,000 บาทสำหรับรุ่นไฮเอนด์อย่างเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสีรุ่น MFC-L3760CDW กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายสองชั้นคือ กระตุ้นการซื้อซ้ำและรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ย้ายไปใช้เครื่องที่มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพสูงขึ้น และจูงใจลูกค้าใหม่เข้าสู่ ecosystem ของบราเดอร์  ผ่านจุดขายด้านความคุ้มค่า ผลลัพธ์ที่ได้คือไม่เพียงเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น แต่ยังเพิ่ม Customer Lifetime Value และสร้าง Loyalty ที่ยั่งยืน

ด้านการตลาดและการสื่อสาร บราเดอร์ ใช้กลยุทธ์ Omnichannel ผสานออนไลน์ ออฟไลน์ และเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยเน้น B2C มากขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, TikTok และ YouTube ผ่านการใช้อินฟลูเอนเซอร์และ KOLs ขยายการเข้าถึงและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงานยุคใหม่ ควบคู่กับการใช้สื่อ Out-of-Home เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นการรับรู้ แต่ยังเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในฐานะที่ เข้าถึงง่าย เป็นมิตร และจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และส่งผลให้แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเสริม Loyalty Program ของบราเดอร์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

“เราตั้งเป้าว่าภายใน 2 เดือนจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 ราย ประเมินเป็นการนำ E-Waste ออกจากระบบหลายตัน ซึ่งนอกจากจะสร้างยอดขายที่จับต้องได้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำโปรโมชันสามารถสร้างอิมแพคด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยหลังสิ้นสุดแคมเปญบราเดอร์ จะต่อยอดด้วยโครงการรายงานผลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อย CO₂ และปริมาณ e-waste ที่ถูกรีไซเคิล เพื่อตอกย้ำการเป็นองค์กรที่ไม่ได้มองแค่การขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คือ การสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ ลูกค้า และสังคม เติบโตเคียงข้างลูกค้าและโลกอย่างยั่งยืน” นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย