ภาวุธ เสนอแผนรัฐมนตรีดีอีคนใหม่ รีบูตดิจิทัลไทย ผ่าน 5 เสาหลัก

22 ก.ย. 2568 | 04:32 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2568 | 04:53 น.

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เสนอแผนเร่งด่วน Thailand Digital Transformation Framework ต่อรมต.ดิจิทัลใหม่ 5 เสาหลัก 15 แนวทาง

KEY

POINTS

  • นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เสนอยุทธศาสตร์ "Thailand Digital Transformation Framework" ต่อรัฐมนตรีดีอีคนใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย
  • แผนดังกล่าวประกอบด้วย 5 เสาหลัก ครอบคลุมความร่วมมือรัฐ-เอกชน, การแข่งขันที่เป็นธรรม, การเสริมพลัง SME, การพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
  • เน้นการผลักดันโครงการเดิมที่มีอยู่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนและภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ กลุ่มบริษัท efrastructure Group  ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และสตาร์ทอัพ เปิดเผยว่าในฐานะอยู่ในวงการเทคโนโลยีของไทยมาเป็นเวลานาน ได้เสนอยุทธศาสตร์ "Thailand Digital Transformation Framework" ต่อนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมคนใหม่ ประกอบด้วย 5 เสาหลัก 15 แนวทางการดำเนินงาน

นายภาวุธมองว่า รัฐบาลใหม่มีเวลาจำกัด 4 เดือนในการวางรากฐาน จึงควรใช้หน่วยงานและโครงการที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด โดยให้เอกชนเป็นผู้นำและรัฐสนับสนุน

ภาวุธ เสนอแผนรัฐมนตรีดีอีคนใหม่ รีบูตดิจิทัลไทย ผ่าน 5 เสาหลัก

5 เสาหลักหลักการพัฒนา

1. ความร่วมมือรัฐ-เอกชน และเทคโนโลยีเพื่อสังคม

รัฐวางนโยบายและกรอบการทำงานใน 4 เดือน ให้สมาคม E-Commerce, FinTech, Logistics, MarTech เป็นตัวขับเคลื่อน กำหนด KPI ร่วมกัน และมีทีมงานกระทรวงประกบแต่ละสมาคม พัฒนาระบบ E-Logistics, Fulfillment, Customs, Payment ให้เชื่อมโยงกัน เพื่อลดต้นทุนขนส่งและช่วยสินค้าไทยขายผ่าน Lazada, Shopee, TikTok ในอาเซียน รวมถึงใช้เทคโนโลยี Telehealth สำหรับชนบท, e-Learning สำหรับเด็กทุกพื้นที่ และ Blockchain เกษตรเชื่อมเกษตรกรขายตรงสู่ผู้บริโภค โดยทำงานร่วมกับ depa และ NIA

2. การแข่งขันที่เป็นธรรมในเศรษฐกิจดิจิทัล

จัดเก็บภาษี Digital Service จาก Google, Facebook, TikTok, Netflix อย่างเป็นระบบร่วมกับกรมสรรพากรที่จัดเก็บ VAT for Electronic Service อยู่แล้ว เจรจากับแพลตฟอร์ม Facebook, Line, TikTok ให้ร่วมสร้างระบบ Anti-Scam API เชื่อมกับตำรวจและธนาคารไทย และบังคับผู้ขายต่างชาติบน Shopee, Lazada, TikTok Shop ลงทะเบียนและเสียภาษีในไทยแบบอินโดนีเซีย โดย ETDA สามารถแก้กฎหมายได้ทันที

3. เสริมพลัง SME และบริษัทเทคโนโลยีไทย

สร้าง E-Commerce Export Hub เพื่อให้ SME และ OTOP 1 ล้านรายส่งออกออนไลน์ได้ ทำงานร่วมกับเอกชนในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างชาติ พร้อมสร้างแพลตฟอร์ม Open Commerce Network (OCN) เพื่อลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มต่างชาติ ใช้ Big Data และ e-KYC ร่วมกับ Government Big Data Institute (GBDI) ทำ Credit Scoring ให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และออกนโยบาย "Buy Thai Tech First" ให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจใช้บริการจากบริษัทเทคโนโลยีไทยก่อน โดย depa  มีนโยบายนี้อยู่แล้ว

4. AI, ข้อมูล และทักษะอนาคต

จัดตั้ง AI Sandbox ให้เอกชนทดลองโครงการ AI ในภาคต่างๆ สร้างหลักสูตรดิจิทัลแห่งชาติสำหรับอบรมทักษะ Coding, Data, AI, Cybersecurity และให้หน่วยงานราชการเริ่มใช้ AI ที่พัฒนาโดยคนไทย

5. โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความน่าเชื่อถือ

ลงทุนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ Satellite Internet สำหรับพื้นที่ห่างไกล และสร้าง National Data Center & Cloud ไทยเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ เชื่อมบริการรัฐทุกหน่วยเข้ากับ Digital ID เดียว ThaiD (มือถือ = บัตรประชาชน) เพื่อลดขั้นตอนราชการและเพิ่มความสะดวก และจัดตั้งศูนย์ Cyber Defense แห่งชาติพร้อมสร้างมาตรฐาน Digital Trustmark สำหรับธุรกิจออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับ DBD กระทรวงพาณิชย์, ThaiD กรมการปกครอง และ ETDA

นายภาวุธเน้นว่า แผนนี้มุ่งเน้นการผลักดันโครงการที่หน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลดำเนินการอยู่แล้วให้เห็นผลจริง พร้อมทำงานร่วมกับเอกชนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมภายในกรอบเวลาจำกัด