สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นำโดย พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการฯ พ.ต.อ. ณัทกฤช พรหมจันทร์ รคส. สก. , นายอมรพันธุ์ นิติธีรานนท์ ผอ.ตส. พร้อมด้วย ร.ท. ฐานันดร สำราญสุข หัวหน้าศูนย์ PDPC Eagle Eye และคณะเจ้าหน้าที่ เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก จัดประชุมหารือกรณีการใช้เทคโนโลยี “สแกนม่านตาแลกรับสิทธิ์สินทรัพย์ดิจิทัล” หลังพบประชาชนจำนวนมากให้ข้อมูลโดยไม่เข้าใจถึงความเสี่ยง จนนำมาสู่ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรานงานว่าการประชุมครั้งนี้ สคส. บูรณาการร่วมกับตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ETDA, ก.ล.ต., บก.ปอท. , บช.สอท., DSI และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีกหลายแห่งเพื่อตรวจสอบ ติดตาม และวางแนวทางร่วมกัน
โดยที่ประชุมสรุปการหารือและแนวทางดำเนินการร่วมกัน ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
- บริษัทยินดีรับการตรวจสอบโดยทุกหน่วยงานจะได้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังและกำกับดูแลตามหน้าที่อำนาจของแต่ละหน่วยงานต่อไป ดังนี้
PDPC
- ตรวจสอบให้บริษัทมีการแจ้งรายละเอียดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอความยินยอมต้องมีการขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง ตลอดจนการแจ้งวัตถุประสงค์ ต้องแจ้งวัตถุประสงค์อย่างครบถ้วนชัดเจน ตลอดจนช่องทางการใช้สิทธิของผู้ที่สแกนม่านตา หากพบมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม PDPA ตั้งแต่การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย จนถึงการทำลาย และการตอบสนองต่อสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ETDA ร่วม PDPC Eagle Eye
แจ้งหากมีการตรวจพบ Digital Platform ภายใน World App ที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายจะแจ้งให้เอาลงทันที
ก.ล.ต.
หากตรวจพบ App ต่างประเทศที่มีการหารายได้ภายใน World App จะได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายของ ก.ล.ต.ต่อไป
บช.สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์
หากพบมีการนำข้อมูลไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายอาญา หรือชักชวนบุคคลอื่นมาสแกนม่านตาโดยเจตนากระทำผิด จะดำเนินคดีทันที
ด้านบริษัทแจ้งข้อมูลยินดีดำเนินการเพื่อความโปร่งใส โดยบริษัทยืนยันขั้นตอนการเก็บข้อมูลม่านตา เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้นโดยจะมีการลบทำลายเรียบร้อยทันที ทั้งนี้จะส่งหลักฐานการลบให้ สคส.ตรวจสอบต่อไป และบริษัทยืนยันมีมาตรการป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นนำข้อมูลไปใช้ได้ โดยเจ้าของรหัสเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ใช้ ข้อมูลในรหัสของตน
นอกจากนี้บริษัทจะประกาศแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพจ้างให้ไปสแกน โดยย้ำเตือนว่าเงินค่าจ้างอาจเป็นเงินที่ผู้จ้างได้มาโดยผิดกฎหมายได้ และบริษัทจะจัดทำสื่ออธิบายรายละเอียด ขั้นตอน การทำงานของเครื่องมือ การรักษาความปลอดภัย และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว เผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจก่อนตัดสินใจเข้าสแกนม่านตา
ซึ่งการประชุมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ สคส.เป็นศูนย์กลาง ในการบูรณาการความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานอีกครั้ง