นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่าเอปสัน ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ครอบคลุมทั้งเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในกลุ่ม EcoTank และ WorkForce รวม 7 รุ่น พร้อมด้วยโปรเจคเตอร์เพื่อธุรกิจในซีรีส์ EB และโปรเจคเตอร์เลเซอร์อีก 15 รุ่น ภายใต้กลยุทธ์มุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่ทรงประสิทธิภาพ คุ้มค่าในการลงทุน ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการขยายสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูงและศักยภาพในการเติบโตระยะยาว ทั้งในภาคธุรกิจ การศึกษา และองค์กรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
สำหรับประเทศไทย เอปสันยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ด้วยส่วนแบ่งสูงสุด 47% และโปรเจคเตอร์ที่ 51% สะท้อนความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและภาคธุรกิจ
นายยรรยงเผยว่า กระแสด้านความยั่งยืนกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเครื่องพิมพ์ในกลุ่มบริษัทธุรกิจทั่วภูมิภาค แต่ยังมีผู้บริหารองค์กร 34% ที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์สามารถนำเสนอคุณค่าด้านความยั่งยืนได้ดีกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท
"68% ของสำนักงานทั่วภูมิภาคอาเซียนยังเลือกใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่มีความเร็ว 21-30 แผ่นต่อนาที เอปสันจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ในหลายมิติ ทั้งรองรับงานปริมาณมากในทุกวัน ทนทาน ประสิทธิภาพสูง ให้งานพิมพ์คุณภาพดีเยี่ยม ทั้งยังไม่สร้างมลพิษต่อสภาพแวดล้อมในที่ทำงานและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม"
นายยรรยงกล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องพิมพ์เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์เติบโตต่อเนื่องจนมีส่วนแบ่งถึง 57% ของตลาดรวม และสูงถึง 80% ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ประหยัด คุ้มค่า ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
จากผลวิจัยตลาดพบว่า เอสเอ็มอีมากกว่า 72% ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน ทำให้ Epson EcoTank กลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
ปีนี้ เอปสันมุ่งเจาะตลาดเครื่องพิมพ์ระดับ Mid-High ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยกลุ่มนี้กำลังเข้ามาแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์ด้วยฟังก์ชันที่ครบ สีสวย และต้นทุนการใช้งานที่ต่ำ
เครื่องพิมพ์กลุ่ม Mid-High ยังสร้างรายได้ให้เอปสันมากกว่ากลุ่ม Entry ถึง 2 เท่า เพราะกลุ่มลูกค้าหลักอย่างเอสเอ็มอีมีปริมาณการพิมพ์สูง และต้องเปลี่ยนชุดหมึกบ่อยกว่าผู้ใช้ทั่วไป เอปสันตั้งเป้ายอดขายเครื่องพิมพ์กลุ่มนี้ในปีนี้ไว้ราว 35% ของตลาด
เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 7 รุ่นใหม่
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่เปิดตัวครั้งนี้มี 7 รุ่น ประกอบด้วย เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ Epson EcoTank Series 3 รุ่น ได้แก่ L4360, L6370 และ L6390 อีก 3 รุ่นจาก Epson WorkForce Pro Series ได้แก่ EM-C800, EM-C8100 และ EM-C8101 รวมกับ AM-M5500 จากกลุ่ม Epson WorkForce Enterprise Series
เอปสันเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนด้วยการรับประกันความทนทานที่เหนือกว่า โดยรับประกันสูงสุดถึง 50,000 แผ่นสำหรับรุ่น L4360 และ 100,000 แผ่นสำหรับรุ่น L6370 และ L6390 ซึ่งนับเป็นการรับประกันตามจำนวนการพิมพ์ที่ยาวนานที่สุดในตลาดขณะนี้
จุดขายหลักของเครื่องพิมพ์ทั้ง 7 รุ่นคือการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สำนักงานยุคใหม่ที่มุ่งสู่การเป็น Green Office โดยใช้เทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ต้องใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงลดการใช้พลังงานได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทำให้ประหยัดค่าไฟและลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังลดการใช้อะไหล่และวัสดุสิ้นเปลืองได้ถึง 59% ช่วยลดทั้งของเสียและค่าบำรุงรักษาในระยะยาว ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 30% และบรรจุภัณฑ์ใช้กระดาษรีไซเคิล 80% สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
รุ่น AM-M5500 ยังมีฟีเจอร์เพื่อสิ่งแวดล้อมพิเศษ เช่น ระบบตรวจสอบการใช้พลังงาน และไฟสัญลักษณ์ใบไม้สีเขียวที่แสดงเมื่อพิมพ์หรือถ่ายเอกสารสองหน้า เพื่อส่งเสริมการประหยัดกระดาษ ทุกรุ่นใช้ชุดหมึกความจุสูง ลดความถี่ในการเปลี่ยนหมึก ช่วยลด Digital Footprint ขององค์กรได้อย่างเห็นผลชัดเจน
โปรเจคเตอร์ใหม่ 15 รุ่น
เอปสันยังเปิดตัวโปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ 15 รุ่น แบ่งเป็นโปรเจคเตอร์ Smart Series 7 รุ่น ได้แก่ EB-E12, EB-E24, EB-X52, EB-W53, EB-W55, EB-FH54 และ EB-W56S และโปรเจคเตอร์เลเซอร์ 8 รุ่น
โปรเจคเตอร์ Smart Series สามารถฉายภาพได้ใหญ่ถึง 300 นิ้ว ด้วยความสว่างสูงสุด 4,100 ลูเมน ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส มองเห็นชัดเจนแม้ในห้องที่มีแสงมาก พร้อมหลอดภาพที่มีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 12,000 ชั่วโมง
สำหรับโปรเจคเตอร์เลเซอร์เพื่อธุรกิจ 8 รุ่นใหม่ มาพร้อมระดับความละเอียดสูงด้วย 4K Enhancement มีความสว่างตั้งแต่ 6,000 ถึง 8,000 ลูเมน รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบใช้สายและไร้สาย
นายยรรยงกล่าวสรุปว่า เอปสันไม่เคยหยุดเรียนรู้และติดตามเทรนด์ตลาดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกระแสความยั่งยืนที่กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมองค์กร จึงสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงจุด ทั้งด้านประสิทธิภาพและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้รักษาตำแหน่งแบรนด์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทและโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง
"เราไม่ได้มุ่งเพียงตอบโจทย์ในวันนี้เท่านั้น แต่ยังเดินหน้าอย่างมั่นคงเพื่อยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีขององค์กรในอนาคต โดยเฉพาะด้านโซลูชันเพื่อสำนักงานยุคใหม่ที่ยืดหยุ่น ประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม"