นายหวัง อี้ตง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชัน ICT ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหัวเว่ย เปิดเผยผ่านปาฐกถาพิเศษว่า หัวเว่ยได้วางโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความเสถียรและความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ
นาบอาเธอร์ หวัง ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล ฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าวว่า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ ทำให้เครือข่ายศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ
โดยโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric เวอร์ชันอัปเกรด ได้รับการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ 3 ชั้น ได้แก่ AI Brain ,AI Connection และ AI Network Element ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่มีความเสถียร และสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับการประมวลผลขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการให้บริการที่ต่อเนื่อง
สำหรับ AI Brain เป็นการใช้ประโยชน์จากแผนที่เครือข่ายดิจิทัลของหัวเว่ย ร่วมกับ NetMaster (ระบบตัวแทนเครือข่าย) เลเยอร์นี้มีบทบาทสำคัญในการปรับใช้กระบวนการต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ รวมถึงการผสานการจำลองด้านเครือข่ายและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ถึง 80% โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา (O&M) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วน AI Connection เป็นการใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึม Network-Scale Load Balancing (NSLB) ที่เป็นเอกลักษณ์ของหัวเว่ย เลเยอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนเส้นทาง ลดข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝน AI ได้มากกว่า 10%
นอกจากนี้ ระบบ iReliable ยังเป็นเทคโนโลยีความน่าเชื่อถือระดับสามชั้น รวมถึงความสามารถในการต้านการสูญเสียสัญญาณในโมดูลออปติคัล และการตรวจจับสิ่งสกปรกหรือการหลวมของช่องสัญญาณ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริการจะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการสะดุด
ขณะที่ AI Network Element: ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของสวิตช์ศูนย์ข้อมูลตระกูล CloudEngine และโมดูลออปติคัล StarryLink เลเยอร์นี้มีความสามารถในการตรวจจับปริมาณข้อมูลแบบละเอียด รวมถึงแสดงภาพรวมการสูญเสียแพ็กเก็ตและค่าความหน่วงของเครือข่ายแบบเรียลไทม์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง (Intrinsic Security) และการแยกกลุ่มการสื่อสาร (Group Isolation) ซึ่งช่วยยกระดับมาตรการความปลอดภัยของเครือข่ายโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตามในอนาคต หัวเว่ยจะมุ่งขับเคลื่อนความร่วมมือกับพันธมิตรและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเทคโนโลยีเครือข่ายศูนย์ข้อมูล โดยมีเป้าหมายในการยกระดับเครือข่ายอัจฉริยะและสนับสนุนการพัฒนาไปสู่ยุคใหม่ของเครือข่ายดิจิทัล พร้อมผลักดันองค์กรในทุกอุตสาหกรรมที่รองรับอนาคตด้วยโซลูชันล้ำสมัย