"ประเสริฐ" ยกระดับศูนย์ AOC เป็น กรม หลัง พ.ร.ก.อาชญกรรมฯ บังคับใช้

21 เม.ย. 2568 | 06:08 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2568 | 06:29 น.

ประเสริฐ จันทรรวงทอง ยกระดับศูนย์ AOC เป็น กรม หลัง มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป (13 เมษายน 2568)

ล่าสุดวันนี้ 21 เมษายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ดีอี เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.ก.กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการขั้นตอนหลังจากนี้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ แบงก์ชาติ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ แพลตฟอร์มเพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานในการเปิดบัญชีธนาคาร จากเดิมใครมีหลักฐานครบสามารถเปิดบัญชีได้ส่วนแนวทางใหม่เข้มงวดการเปิดบัญชีทั้งนิติบุคคล และ บุคคลธรรมดา ส่วนการคืนเงินจากการถูกหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากเดิมให้ไปร้องเรียนที่ศาลฯจะดำเนินการตัดสินคืนวงเงินเสียหายให้กับผู้ที่ถูกหลอกลวง แต่ พ.ร.ก.ฯใหม่กำหนดให้ไปที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) แทน

นอกจากนี้ นายประเสริฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยกระดับศูนย์ AOC 1441 : เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย “ศปอท.” เป็นกลไกหลักในการรับแจ้งเหตุ รับคำร้องทุกข์ สั่งระงับธุรกรรมทางการเงิน ประสานงานวิเคราะห์ข้อมูล และสามารถดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ครบวงจร และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำมาคืนผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568  สารสำคัญดังนี้

แก้ไขนิยามและขอบเขต

  • เพิ่มนิยาม "ผู้ประกอบธุรกิจ" ให้รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
  • เพิ่มนิยาม "กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล" และ "บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์"

2.กำหนดให้ ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลัก

  • กำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
  • เปิดเผยข้อมูลเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล
  • แจ้งรายชื่อบุคคลหรือเลขที่กระเป๋าที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

3.กำหนดหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแล

  • ให้หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม
  • ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ต้องตรวจสอบคัดกรอง SMS ที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

4.มาตรการระงับบริการโทรคมนาคม

  • ให้ กสทช. สั่งระงับบริการโทรคมนาคมได้ทันทีเมื่อพบการกระทำความผิด
  • การยกเลิกการระงับให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5.อำนาจปิดกั้นข้อมูล

  • พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถปิดกั้นข้อมูลได้ทันทีกรณีพบผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต

6.การคืนเงินผู้เสียหาย

  • ให้ ปปง. เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดขั้นตอนการคืนเงิน
  • หากไม่มีผู้เสียหายมายื่นคำร้องภายใน 10 ปี เงินจะตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
  • ไม่ตัดสิทธิเจ้าของเงินที่จะขอรับเงินคืนจากกองทุนฯ

7.ยกระดับศูนย์ AOC เป็น ศปอท.

  • เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่สามารถจัดการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้รวดเร็ว
  • ติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำมาคืนผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8.การร่วมรับผิดในความเสียหาย

  • สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ สื่อสังคมออนไลน์ต้องร่วมรับผิดในความเสียหาย
  • ศาลเป็นผู้พิจารณากำหนดค่าเสียหาย
  • ภาระการพิสูจน์เพื่อไม่ต้องรับผิดเป็นของหน่วยงานเอกชนนั้นๆ

9.บทกำหนดโทษ

  • สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล: กำหนดโทษปรับ
  • ผู้แทนนิติบุคคลที่กระทำผิด: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • นิติบุคคลกระทำความผิด: ปรับ 5 เท่าของโทษปรับกรณีผู้แทนนิติบุคคล
  • มีโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์
  • มีโทษสำหรับผู้ซื้อ/ขายเลขหมายโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไม่ถูกต้อง
  • มีโทษสำหรับผู้นำข้อมูลบุคคลหรือผู้ถึงแก่กรรมมาใช้เพื่อกระทำความผิด.