“ไอบีเอ็ม” ย้ำความสำเร็จการนำเทคโนโลยีเข้าสนับสนุนภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจไทย ประกาศความพร้อมนำเทคโนโลยี “ค็อกนิทีฟ” และแพลตฟอร์มคลาวด์เปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ พร้อมจับมือภาครัฐ การเงิน ปิโตรเคมี โทรคมนาคม และการแพทย์ ปักธง! สร้างนวัตกรรมหนุนวิจัยพัฒนาสู่มิติใหม่ รับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”
นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 65 ปี ของการดำเนินธุรกิจในไทย ไอบีเอ็มไม่เคยหยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ
โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่ไอบีเอ็มได้ปรับองค์กรครั้งใหญ่ให้พร้อมพาธุรกิจก้าวสู่ยุค ‘ค็อกนิทีฟ’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ไปสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีและธุรกิจ ที่เทคโนโลยี อย่าง ค็อกนิทีฟ คอมพิวติ้ง คลาวด์ และซิเคียวริตี รวมถึงแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ จะทวีบทบาทสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของปริมาณข้อมูล โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
[caption id="attachment_236056" align="aligncenter" width="503"]
พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด[/caption]
โดยในปี 2560 ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ให้บริการโซลูชันด้านค็อกนิทีฟและแพลตฟอร์มคลาวด์เต็มตัว พร้อมได้นำศักยภาพดังกล่าวเข้าสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ
โดยมีความร่วมมือล่าสุดในการนำเทคโนโลยีค็อกนิทีฟและแพลตฟอร์มคลาวด์เข้าเสริมศักยภาพภาครัฐ การเงิน การผลิต โทรคมนาคม และการแพทย์ สอดคล้องนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วย การเสริมศักยภาพบริการด้านคลาวด์ Infrastructure as a Service ให้กับ CAT โดยได้พัฒนาความร่วมมือไปอีกขั้น ด้วยบริการบริหารจัดการคลาวด์ (Cloud Managed Services) ที่จะสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้ CAT ก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง ตลอดจนการขยายขีดความสามารถในการให้บริการสมาร์ทซิตี แพลตฟอร์ม เพื่อช่วยเมืองในไทยยกระดับการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยภูเก็ตได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดแรกในการนำร่องโครงการนี้
ในภาคการเงิน ธนาคารชั้นนำของไทยได้ร่วมกับไอบีเอ็ม โกลบอล บิสสิเนส ในการนำแนวคิด ‘อไจล์’ (agile) และ ‘ดีไซน์ธิงกิง’ (design thinking) มาใช้ในการกำหนดแนวทางการปฏิรูปธุรกิจเชิงดิจิตอล (digital transformation) เริ่มตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการและระบบบริหารจัดการเบื้องหลัง ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับงานบริการลูกค้า เพื่อให้ตอบโจทย์และความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าในยุคดิจิตอล โดยความร่วมมือที่ผ่านมา ได้นำสู่การนำระบบโรโบติก โพรเซส ออโตเมชัน (Robotic Process Automation หรือ RPA) มาใช้ เพื่อลดระยะเวลาของกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสารจำนวนมาก และภาระงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ โดยได้มีการนำร่องใช้ RPA กับ 30 กระบวนการทำงาน และคาดหวังที่จะขยายต่อไปเป็น 100 กระบวนการในเฟสต่อไป
ด้าน ปิโตรเคมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้นำเทคโนโลยีค็อกนิทีฟ ไอบีเอ็ม วัตสัน ไอโอที (IBM Watson IoT) มาใช้เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มผลผลิตและเสริมศักยภาพระบบปฏิบัติการของโรงแยกก๊าซ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายมหาศาลที่เกิดจากการรีเซตการทำงานของชุดอุปกรณ์ Gas Turbine หากเกิดเหตุหยุดทำงาน และการใช้ระบบค็อกนิทีฟที่ผนวกความสามารถด้านแมชีนเลิร์นนิ่ง ด้านโทรคมนาคม บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ร่วมกับไอบีเอ็มในการนำโซลูชันค็อกนิทีฟ ซิเคียวริตี โอเปอเรชัน เซ็นเตอร์ (Cognitive Security Operations Center หรือ SOC) เข้ารับมือกับภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ท่ามกลางการเกิดขึ้นของข้อมูลจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน
ด้านการแพทย์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ริเริ่มโครงการวิจัยและเก็บข้อมูลด้านจีโนมเป็นที่แรกในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม และโรคที่เป็นปัญหาสำคัญอื่น ๆ ของประเทศไทย โดยคาดหวังที่จะนำผลที่ได้ไปพัฒนาการวินิจฉัยและการกำหนดแนวทางการรักษาโรคที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน อย่างไรก็ดี ด้วยปริมาณข้อมูลจีโนมของแต่ละบุคคลที่มีถึง 200 กิกะไบต์ การศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการประมวลผลขั้นสูง อย่างเช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,318 วันที่ 30 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2560 หน้า 08