GISTDA ย้อน 10 ปี สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จุดความร้อนของไทยน่าเป็นห่วง

21 มี.ค. 2567 | 06:00 น.

GISTDA ย้อน 10 ปี สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และจุดความร้อน หลังไทยมีปริมาณจุดความร้อนยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง จำนวนจุดความร้อนรวมทั่วประเทศ มากกว่า 1,000 จุด

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ระบุว่า สถานการณ์จุดความร้อน (Hot Spot) รายวันของประเทศไทยช่วงต้นเดือน มี.ค. อ้างอิงจากระบบแสดงผลข้อมูลจุดความร้อนจากระบบ NASA FIRMS และ GISTDA แบบอัตโนมัติ เรียกได้ว่า ปริมาณจุดความร้อนยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ด้วยจำนวนจุดความร้อนรวมทั่วประเทศ มากกว่า 1,000 จุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยกึ่งหนึ่งเป็นจุดความร้อนที่ตรวจพบในพื้นที่ภาคเหนือ

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในช่วงต้นเดือน มี.ค. 67 อ้างอิงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" พบว่า หลายจังหวัดยังอยู่ในโซน สีส้ม-สีแดง หรืออยู่ในระดับมีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ประชาชนยังคงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กกันต่อไป

2 เหตุการณ์นี้ มีความเกี่ยวพันอย่างไร 

พื้นที่ใดเกิดไฟป่าขึ้น บริเวณรอบๆ มักจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปกติ และสภาพอากาศท้องถิ่นที่ไม่ระบาย เช่นเดียวกับสถานการณ์จุดความร้อนในปัจจุบัน คือพื้นที่ทางภาคเหนือ มีจำนวนจุดความร้อนรายวันมากกว่าพื้นที่ในภูมิภาคอื่นๆ และเป็นพื้นที่ที่กำลังประสบกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก

ข้อมูลภูมิสารสนเทศทำให้เข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวมากขึ้น โดยจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี เกี่ยวกับค่าเฉลี่ย จำนวนจุดความร้อน และค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน วิเคราะห์โดย GISTDA 

  • ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.

พื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนเฉลี่ยสูงสุด คือ ทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา แต่พื้นที่ที่พบว่ามีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ยสูงสุด กลับเป็นพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย

  • ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.

พื้นที่เกิดจุดความร้อนเฉลี่ยสูงสุด คือ ทางตอนเหนือของประเทศลาว ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ยสูงสุด กลับครอบคลุมทั้งภาคเหนือของประเทศลาว และภาคเหนือ ภาคกลาง บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

ย้อน 10 ปี สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และจุดความร้อนของไทย

สิ่งที่ทำให้เกิดลักษณะดังกล่าว คือ "กระแสลม"

เป็นสาเหตุหลักในการพัดพาฝุ่นละอองกระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียง ดังนั้น การจัดการกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับจุดความร้อน หรือพื้นที่เผาไหม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว ยังต้องติดตามพื้นที่ข้างเคียง หรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพื่อความเข้าใจภาพรวมสาเหตุของปัญหา และนำมาซึ่งมาตราการการแก้ไขที่ตรงจุด

"เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ" เครื่องมือตอบโจทย์

มีความร่วมมือสร้างความเข้าใจชั้นฝุ่นละอองที่กำลังปกคลุมเหนือชั้นบรรยากาศไทยไปอีกระดับ ด้วย เซนเซอร์ที่ติดตั้งบนเครื่องบิน เพื่อศึกษาการกระจายตัวของมลพิษตามความสูงต่างๆ ในชั้นบรรยากาศ (vertical profile) และนำมาปรับเทียบกับข้อมูลจากดาวเทียม เพื่อศึกษาทำความเข้าใจ และหาทางแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทยและภูมิภาคแถบนี้ โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง NASA ร่วมมือ GISTDA และอีกหลายหน่วยงานในไทย