ESG Bond ฮอต ยอดระดมทุนพุ่ง 6.9 แสนล้านบาท

23 พ.ย. 2566 | 11:43 น.

สมาคมตราสารหนี้ ผนึก CMDF ให้ทุนหนุนออก ESG Bond เตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ชี้แนวโน้ม ESG bond ในไทยโตต่อเนื่อง มูลค่าคงค้างกว่า 6.9 แสนล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ร่วมกับกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จัดทำโครงการให้ทุนสนับสนุนและส่งเสริมการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน (ESG Bond Issuance Grant Scheme)”  โดย CMDF จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดย ESG bond ที่สามารถขอรับการสนับสนุนดังกล่าวจะต้องออกเสนอขายระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566ที่ผ่านมา สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และ CMDF ได้ร่วมกันจัดสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance # 2: Global Dynamic & Thailand Framework Development” เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยมีผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยงานในวันนี้ได้รับเครื่องหมาย Carbon Neutral Event ซึ่งเป็นการจัดงานอีเวนต์ที่มีการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิจนเป็นศูนย์อีกด้วย

สัมมนา “Enable ESG Bond Issuance # 2: Global Dynamic & Thailand Framework Development”

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)เปิดเผยว่า การระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ ESG bond ในประเทศไทย มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนมีมูลค่าคงค้างกว่า 6.9 แสนล้านบาท ประกอบด้วยผู้ออกภาครัฐ 6 องค์กร และภาคเอกชน 25 บริษัท ขณะที่ภาครัฐยังได้ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) ซึ่งนักลงทุนจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายต่อผู้ลงทุนได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)

นางสาวชิดชนก อันโนนจารย์ Associate Economics Officer, Asian Development Bank (ADB)กล่าวว่า การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ ESG bond ในกลุ่มอาเซียน+3 (อาเซียนรวมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.4% ของตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก โดยภาคเอกชนเป็นหน่วยงานหลักในการออก ESG bond และ Green bond มีสัดส่วนการออกมากที่สุดที่ 51.7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นางสาวชิดชนก อันโนนจารย์ Associate Economics Officer, Asian Development Bank (ADB)

“ทาง ADB ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนและส่งเสริมผู้ออกตราสารหนี้ทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนครอบคลุมตราสารหนี้ ESG bond ทุกประเภท และในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้าน Local verifier, Sustainability disclosures, Transition finance and Sustainability-linked loans”นางสาวชิดชนกกล่าว

นายสุชาย บูรณะวลาหก Senior Green Investment Officer, Global Green Growth Institute (GGGI)กล่าวว่า การดำเนินการขององค์กรในการมีส่วนช่วยสนับสนุนประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนในการระดมทุนสีเขียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด” (Nationally Determined Contributions : NDCs)  และเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว โดยมุ่งสนับสนุนใน 3 ด้าน ได้แก่ Sustainable energy, Sustainable landscapes และ Green cities

นายสุชาย บูรณะวลาหก Senior Green Investment Officer, Global Green Growth Institute (GGGI)

สำหรับประเทศไทยให้การสนับสนุนผ่านทางกรอบการวางแผนและพัฒนาของประเทศไทย 2022 - 2026 (Thailand Country Planning Framework : CPF) ซึ่งเน้นการส่งเสริม 3 ด้านคือ Waste management, Green building และ Green Industry ตัวอย่างโครงการที่ดำเนินการสนับสนุน ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (Municipal Solid Waste : MSW) การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency : EE) และ Thailand Circular Economy Financing Facility (T-CEFF) เป็นต้น

ดร.อรศรัณย์ มนุอมร Specialist Consultant, Climate Bonds Initiative (CBI) นำเสนอแนวทางการนำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Thailand Taxonomy) ไปใช้เป็นเครื่องมือสำหรับภาครัฐและภาคธนาคารในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green finance) โดยปัจจุบันเฟสแรกจะครอบคลุมเฉพาะภาคขนส่งและพลังงานซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันเกือบ 70% และส่งเสริมการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition finance) ของภาคธุรกิจไปสู่ธุรกิจสีเขียว

ESG  Bond ฮอต ยอดระดมทุนพุ่ง 6.9 แสนล้านบาท

ซึ่งในปัจจุบันตราสารหนี้/เงินกู้ ส่งเสริมความยั่งยืน Sustainability-Linked Bond และ Sustainability-linked loan (SLBs และ SLLs) ที่มีการเชื่อมโยงเป้าหมายความยั่งยืนในระดับองค์กรมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึง Transition bond ที่เติบโตมากในจีนและญี่ปุ่น

นางสาวกรรณิการ์ ศรีธัญญลักษณา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ, บริษัท เดอะ ครีเอจี จำกัด. กล่าวว่า มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ EU Carbon Border Adjustment Mechanism (EU-CBAM) ที่จะส่งผลกระทบกับบริษัทที่มีการส่งออกสินค้าไปสู่ประเทศยุโรป ซึ่งในระยะแวลาปลี่ยนผ่านระหว่าง 1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2568 ต้องมีการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะนำเข้าประเทศในแถบยุโรป

ทั้งนี้ CBAM เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป จะต้องมีการจ่ายค่า CBAM certification สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถควบคุมการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการต่างๆที่จะเกิดขึ้นและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกในอนาคต

นางสาวพวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้ข้อมูลเป้าหมายสำคัญของประเทศไทยโดยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี 2065 รวมทั้งเพิ่มเป้าหมาย NDC เป็น 40%  โดยมีมาตรการสําคัญ ได้แก่

  • การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า อย่างน้อย 68% ในปีค.ศ. 2040  และ 74%  ในปีค.ศ. 2050
  • การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 69% ในปีค.ศ. 2035
  • ยุติการใช้ถ่านหิน ในปี ค.ศ. 2050
  • การใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน
  • การใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม

นางสาวพวงพันธ์กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม โดยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการส่งออก ในด้านการคำนวณ การรายงาน และทวนสอบค่า Embedded Emissions และค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์โดยใช้แพลตฟอร์มของ อบก.เป็นเครื่องมือ ที่ได้รับการยอมรับจากสหภาพยุโรป, และศึกษาแนวทางในการลดค่า Embedded Emissions ของผลิตภัณฑ์ภายใต้ข้อกำหนดของมาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ T็้haiBMA  กล่าวว่า  CMDF จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ เป็น ESG Bond (ไม่จำกัดสกุลเงิน) ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ระดมทุนขั้นต่ำ 100 ล้านบาทต่อรุ่น โดย CMDF จะให้ทุนสนับสนุนตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อประเภทของ ESG Bond โดยมีวงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น 100 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ออก ESG bond ที่ได้รับทุนสนับสนุนแล้ว 4 องค์กร มูลค่าการออกตราสารหนี้รวม 21,366 ล้านบาท

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย