"บ้านปู เน็กซ์" หนุนพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมลุยต่อยอดสู่ตลาดโลก

16 ก.พ. 2566 | 06:45 น.

"บ้านปู เน็กซ์" หนุนพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมลุยต่อยอดสู่ตลาดโลก ตอบโจทย์การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และทั่วเอเชียแปซิฟิก รับความต้องการการตลาดขยาย

บ้านปู เน็กซ์ ได้ดำเนินาการผลักดันแผนความร่วมมือระหว่างบียอนด์ กรีน กับมหาวิทยาลัยขอนแก่นในโครงการผลิตและประยุกต์ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนและโซเดียมไอออนสำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้า เพื่อนำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของบียอนด์ กรีน ประมาณ 2,000 ชุดต่อปี 

และสนับสนุนการพัฒนาแบตฯ โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหินในภาคอีสานของไทย ตั้งเป้าขยายแบตเตอรี่ไทยไปสู่ตลาดโลก

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ในประเทศไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เพิ่มมากขึ้น 

 

รวมถึงช่วยรองรับความต้องการการใช้แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Meticulous Research คาดการณ์ว่าตลาดแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 23.3% ในช่วงปี 2565-2572 

บ้านปู เน็กซ์ หนุนพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมลุยต่อยอดสู่ตลาดโลก

บียอนด์ กรีน ปัจจุบันมีรถกอล์ฟไฟฟ้าในตลาดประมาณ 20,000 คัน ซึ่งเป็นของบียอนด์ กรีน 5,000 คัน โดยในแต่ละปีบริษัทจะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่สูงถึง 2,000 ชุด จึงมองหาพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง ปลอดภัย และได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) 

รวมถึงล่าสุดนี้ยังได้คิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหินที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาเซียน ซึ่งบียอนด์ กรีนเล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งดังกล่าว โดยมุ่งเน้น 2 เรื่อง คือ 

  • นำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง แบรนด์ kkUVolts ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปทดลองใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของบียอนด์ กรีนในประเทศไทย จำนวน 2,000 ชุด 
  • สนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออน พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการนำไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าในเครือข่ายธุรกิจของบียอนด์ กรีนในอนาคต  

"การดำเนินการในครั้งนี้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตแบตเตอรี่จากพลังงานทางเลือกของโลกในอนาคต ขณะเดียวกันยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตบียอนด์ กรีนจะเดินหน้าขยายความร่วมมือนำแบตเตอรี่ทั้ง 2 ชนิดไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าในเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงต่อยอดไปใช้กับรถไฟฟ้าเอนกประสงค์อื่น"