zero-carbon

ชั้นโอโซน สำคัญอย่างไร หลังพบสัญญาณดีกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ชั้นโอโซน สำคัญอย่างไร เรื่องควรรู้และประโยชน์ของโอโซน หลัง UN เปิดเผย พบสัญญาณดีที่ชั้นโอโซนโลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ความพยายามของมนุษย์เพื่อรักษา "ชั้นโอโซนโลก" กำลังได้ผลดีอย่างที่หวังไว้และกำลังฟื้นฟูอย่างช้าๆ เพื่อให้กลับมาสมบูรณ์ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า  เรื่องนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุในรายงานการประเมินผลครั้งสำคัญจาก UN โดยชี้ให้เห็นว่า พิธีสารมอนทรีออลที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1987 ซึ่งมีข้อห้ามในการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อชั้นโอโซนประสบความสำเร็จด้วยดี

 

นั่นหมายความว่า หากยังคงนโยบายไว้ ชั้นโอโซนจะกลับคืนสู่สภาพเดียวกับปี 1980  คาดว่า 2066 รูโหว่โอโซนบริเวณแถบแอนตาร์กติก ซึ่งเป็นจุดที่ชั้นโอโซนลดลงมากที่สุด จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์  ขณะที่ในปี 2045 ในขั้วโลกเหนือ เเละ ปี 2040 สถานที่อื่นๆ ทั่วโลก

 

เรื่องชั้นโอโซน เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำนี้มาตลอดระยะเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โลกต่างให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพภูมิอากาศเเละการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อโลกของเรา  ถึงแม้ว่าการลดลงของชั้นโอโซนจะเป็นอันตรายจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ แต่ก็อาจไม่ใช่สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ถึงอย่างนั้น การรักษาชั้นโอโซนมีผลเชิงบวกต่อการป้องกันภาวะโลกร้อนร่วมด้วย 

 

วันนี้จะพาไปปัดฝุ่นทำความเข้าใจกันว่า โอโซน คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมเราจะต้องช่วยกันรักษาให้เกิดสมดุล 

 

ชั้นโอโซน คืออะไร

  • ชั้นบรรยากาศของโลก ทำหน้าที่ดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ประมาณ 97-99% ของรังสีทั้งหมดที่แผ่มายังโลก
  • เป็นกลุ่มก๊าซขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของออกซิเจน 3 อะตอม โดยโมเลกุลออกซิเจนจะแตกตัวจากการกระตุ้นของรังสี UVC และจับตัวกับอะตอมออกซิเจนอิสระ
  • ช่วยให้มนุษย์ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายที่มากับรังสีอัลตราไวโอเลต เช่น มะเร็งผิวหนัง กระจกตาอักเสบ ต้อเนื้อ ผิวแห้งและเหี่ยวย่นก่อนวัย เเละยังช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็วและดีมาก ๆ ช่วยยับยั้งและทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยในการฟอกสีและบำบัดน้ำเสียให้น้ำสะอาดและใสขึ้น 
  • เเต่เมื่อชั้นโอโซนเกิดรูโหว่และมีระดับลดลง รังสีจะเดินทางมาถึงพื้นโลกได้ง่ายๆ ส่งผลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ 

 

รูโหวในชั้นโอโซน

  • เริ่มที่เป็นค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ปี 1985 
  • ในอดีตรูโหว่โอโซนในแอนตาร์กติกขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2000 จากนั้น ขนาดพื้นที่และความลึกของรูโหว่ก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในที่สุด รายงานที่จัดทำร่วมกันโดย UN สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ระบุว่า ขณะนี้พิธีสารมอนทรีออลกำลังทำงานได้ผลตามที่คาดหวังไว้

  • ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โอโซนโลกถูกทำลายและมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น กันยายน 2020 นาซาที่เก็บข้อมูลโอโซนโลกด้วยข้อมูลจากดาวเทียมออรา (Aura satellite) พบว่าโอโซนโลกบริเวณขั้วโลกใต้ (South Pole) ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ในรอบ 40 ปี มีปริมาณโอโซนน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 14 ในรอบ 33 ปี  โดยรูโหว่นี้มีความยาวมากถึง 24.8 ล้านกิโลเมตรหรือ 9.6 ล้านไมล์ หรือใหญ่ประมาณสามเท่าของขนาดทวีปอเมริกา

 

 

ข้อมูล CNBC