สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เห็นชอบเอกฉันท์ 309 เสียง เตรียมส่งต่อวุฒิสภา

วันที่ 21 ตุลาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ในวาระสอง (รายมาตรา) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดยเหลือการพิจารณาอีก 11 มาตรา จากทั้งหมดเกือบ 300 มาตราที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสนอ

การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม และเมื่อพิจารณาครบทุกมาตราแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 3  เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวทั้งฉบับ ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 309 เสียง ก่อนจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธานคณะกรรมาธิการ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนที่ร่วมกันพิจารณา และกล่าวขอโทษที่กระบวนการใช้เวลานาน โดยยืนยันว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็น “เครื่องยนต์” และ “อาวุธ” สำคัญในการต่อสู้เพื่อทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทย ทั้งนี้ คาดหวังว่าการพิจารณาของวุฒิสภาจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุว่าในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นฤดูการเผา ร่างกฎหมายฉบับนี้จะกลายเป็น “นวัตกรรมทางกฎหมาย” ที่เป็นประวัติศาสตร์ และเป็นเครื่องมือให้ทุกภาคส่วนร่วมกันบังคับใช้ เพื่อให้ประชาชนไทยมีอากาศบริสุทธิ์หายใจได้จริง

ขณะเดียวกัน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณคณะกรรมาธิการที่ทำงานอย่างหนักตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี 8 เดือน และขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนที่มีส่วนร่วมผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ พร้อมชี้แจงว่า สำหรับสมาชิกบางส่วนที่ไม่สามารถอยู่ร่วมลงมติในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย เพียงแต่มีภารกิจอื่นที่ต้องปฏิบัติ จึงไม่อยากให้ถูกนำไปโจมตีว่า การไม่อยู่ร่วมประชุมหมายถึงไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย

นพ.ทศพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้บันทึกไว้ในประวัติการพิจารณาว่า ร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่เสนอต่อสภาฯ มีทั้งหมด 102 มาตรา โดยคงไว้ไม่แก้ไข 4 มาตรา แก้ไข 98 มาตรา แบ่งเป็น “ตัดออก 10 แห่ง” “แก้ไข 90 แห่ง” และ “เพิ่มใหม่ 205 แห่ง” รวมมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรวม 305 แห่ง พร้อมกดโหวตลงคะแนนถึง 305 ครั้ง ถือเป็นสถิติสำคัญของการทำงานด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เชื่อว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีอากาศสะอาดมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการบังคับใช้ให้เกิดผลจริง โดยเริ่มต้นจากสภาผู้แทนราษฎรเองเป็นตัวอย่าง