environment

วิกฤตภูมิอากาศป่วนค่าเฉลี่ย BOM เปลี่ยนวิธีวัดเอลนีโญ–ลานีญา

สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย (BOM) ปรับเกณฑ์การวิเคราะห์เอลนีโญและลานีญา หลังภาวะโลกร้อนทำให้ข้อมูลค่าเฉลี่ยในมหาสมุทรแปซิฟิกผิดเพี้ยน ส่งผลให้เอลนีโญถูกระบุเกินจริง และลานีญามีโอกาสตรวจจับไม่พบ

สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย (BOM) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางการด้านภูมิอากาศของประเทศ และรายงานถูกอ้างอิงโดยองค์กรพยากรณ์อากาศระหว่างประเทศหลายแห่ง กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนความแปรปรวนของสภาพอากาศโลก ภาวะโลกร้อนและการอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วของมหาสมุทรทำให้บันทึกทางประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์ปัจจุบันบิดเบือน เอลนีโญซึ่งเป็นภาวะอุ่นถูกระบุเกินจริง ขณะที่ลานีญาซึ่งเป็นภาวะเย็นเสี่ยงตรวจจับไม่พบ

BOM ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การติดตามเอลนีโญและลานีญามีความแม่นยำมากขึ้น ท่ามกลางภูมิอากาศโลกที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วิธีการดั้งเดิมเริ่มต้นจากการค้นพบว่า มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของสภาพอากาศโลก โดยเปรียบเทียบอุณหภูมิผิวน้ำทะเลกับค่าเฉลี่ยในพื้นที่ที่เรียกว่า NINO3.4 หากอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยถือว่าเป็นเอลนีโญ หากต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถือว่าเป็นลานีญา และหากใกล้ค่าเฉลี่ยถือว่าเป็นภาวะปกติ (Neutral) BOM กำหนดเกณฑ์ว่า เอลนีโญคือน้ำทะเลอุ่นกว่าค่าเฉลี่ยอย่างน้อย 0.8 องศาเซลเซียส ภาวะปกติคือน้ำทะเลอยู่ในช่วงบวกหรือลบ 0.8 องศาเซลเซียส และลานีญาคืออุณหภูมิเย็นกว่าค่าเฉลี่ยอย่างน้อย 0.8 องศาเซลเซียส

ระบบนี้เคยใช้ได้ผลเมื่อภูมิอากาศโลกคงที่

แต่เมื่อโลกอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิธีการเดิมกลับไม่เหมาะสมอีกต่อไป ปัญหาสำคัญคือ ตัวแปรที่แท้จริงของความแปรปรวนด้านอากาศไม่ได้อยู่ที่ค่า NINO3.4 เพียงอย่างเดียว แต่เป็นความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกกับเขต NINO3.4 นับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 มหาสมุทรโลกอุ่นขึ้นมากกว่าครึ่งองศาเซลเซียส ทำให้การคำนวณแบบเดิมบดบังเหตุการณ์ลานีญา และทำให้เอลนีโญถูกระบุว่ามีความถี่มากกว่าความจริง ทั้งที่ในศตวรรษที่ 21 ลานีญากลับมีอิทธิพลชัดเจนกว่า

ข้อมูลตั้งแต่ปี 2000 ชี้ว่า ลานีญาเกิดขึ้นแล้ว 9 ปี ขณะที่เอลนีโญเกิดเพียง 5 ปี ส่วนอีก 12 ปีอยู่ในภาวะปกติ และมีความเป็นไปได้ว่าปี 2016 อาจเกิดลานีญาอีกครั้ง แต่ไม่ถูกตรวจจับเนื่องจากการคำนวณถูกปนเปื้อนจากภาวะโลกร้อน

เพื่อตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าว BOM และหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาอื่น ๆ ได้พัฒนาดัชนีใหม่ที่ไม่ต้องอิงค่าเฉลี่ยระยะยาวที่คงที่ แต่เปรียบเทียบกับอุณหภูมิเขตร้อนในปัจจุบัน ดัชนีใหม่นี้เรียกว่า Relative NINO3.4 Index ต่างจากเกณฑ์ดั้งเดิมที่อ้างอิงค่าเฉลี่ย 30 ปี และสามารถสะท้อนแรงขับเคลื่อนจริงของการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศและมหาสมุทรได้แม่นยำกว่า โดยไม่ขึ้นกับภูมิอากาศพื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม BOM เตือนว่า แม้จะมีวิธีการวิเคราะห์ที่ปรับปรุงแล้ว ก็ไม่ควรพึ่งพาการประกาศเฟสของมหาสมุทรแปซิฟิกเพียงอย่างเดียวในการประเมินสภาพอากาศล่วงหน้า หน่วยงานแนะนำให้ใช้การพยากรณ์ระยะยาวของปริมาณฝนและอุณหภูมิ ซึ่งสะท้อนระบบโลกที่ซับซ้อนและมีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของออสเตรเลียและภูมิภาคอื่น ๆ ได้รอบด้านกว่า

อ้างอิงข้อมูล 

  • The Climate Council