"ไทยออยล์" ยันโครงการพลังงานสะอาดโปร่งใส หลังถูกผู้ถือหุ้นร้อง DSI-ก.ล.ต.

29 พ.ย. 2567 | 04:57 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2567 | 04:57 น.

"ไทยออยล์" ยันโครงการพลังงานสะอาดโปร่งใส หลังถูกผู้ถือหุ้นร้อง DSI-ก.ล.ต. ชี้เป็นโครงการขนาดใหญ่เพิ่มขีดความสามารถการกลั่นน้ำมัน ความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศ ระบุเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติแล้ว

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่อง ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับใครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อ โดยมีข้อความระบุว่า 

ตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ระบุว่า นายชัชนัย ปานเพชร ผู้ถือหุ้นของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมการและผู้บริหารหารของบริษัทฯว่า อาจมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.โครงการพลังงานสะอาดเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งการลงทุนในโครงการฯบริษัทฯ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พิจารณาและอนุมัติเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561

ซึ่งในคราวการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น บริษัทฯ ได้จัดให้มีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลและประโยชน์ของโครงการฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติใครงการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 99.91% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน 

การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทุกประการ และสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นในกระบานการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีผลสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ และการลงทุนในใครงการฯ เป็นมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2561 โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ตามรายละเอียดของใครงการฯ ที่นำเสนอในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น

2.ความล่าช้าของโครงการฯ เกิดจากปัจปัจจัยภายนอก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และต้องเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาหลัก กล่าวคือ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.) ,Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV –Samsung, Petrofac และSaipem”) รวมถึงประเห็นที่ผู้รับเหมาช่วงบางรายได้ยุติการปฏิบัติงานเนื่องจาก UJ V -Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่ชำระเงินค่จ้างให้แก่ผู้รับเหมาช่วง 

อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการบริหารจัดการโครงการฯ อย่างดีที่สุด ทั้งในด้านการเจรจาสัญญา การควบคุมต้นทุน
และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการฯ จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการฯ จากรายงานประจำปี และสารสนเทศของบริษัทฯที่เผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567

3.บริษัทฯ ขอให้ผู้ที่ได้รับข่าวสารใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการแชร์ขัอมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายต่อบริษัทฯ บริษัทฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างไปร่งใสและมีบรรษัทกิบาล ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความถูกต้องและความเป็นธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย

"ไทยออยล์" ยันโครงการพลังงานสะอาดโปร่งใส หลังถูกผู้ถือหุ้นร้อง DSI-ก.ล.ต.