energy

"นอร์ธเทิร์นกัลฟ์ฯ" ได้ฤกษ์ ผลิตน้ำมันดิบ“แหล่งรสสุคนธ์” พ.ย.นี้

นอร์ธเทิร์นกัลฟ์ปิโตรเลียม ลุยผลิตนํ้ามันดิบจากแหล่ง “รสสุคนธ์” ในอ่าวไทย ต้นพ.ย. 66 นี้ ด้วยกำลังการผลิต 10,000-12,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นผู้ผลิตนํ้ามันดิบแหล่งใหม่ ที่มีคนไทยถือหุ้น 100% โชว์ศักยภาพความพร้อมผลิตได้เร็วที่สุดภายใน 6 เดือน หลังอีไอเอผ่าน

ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทย ที่เร็ว ๆ นี้ จะมีแหล่งผลิตนํ้ามันดิบในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 แหล่ง คือ แหล่งรสสุคนธ์ หรือแปลง G6/48 ของบริษัท นอร์ธเทิร์นกัลฟ์ปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยถือหุ้น 100 % ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มาตั้งแต่ปี 2548 โดยอยู่ห่างจากฝั่งทะเลทางภาคใต้ ระยะทางประมาณ 194 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของนํ้าทะเลประมาณ 65 เมตร

นางสาวมาริษา เย็นบำรุง กรรมการ บริษัท นอร์ธเทิร์นกัลฟ์ปิโตรเลียม จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นมา โดยมีกลุ่มคนไทยถือหุ้น 100 % ได้เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการผลิตนํ้ามันดิบแหล่งรสสุคนธ์อย่างเต็มตัว รวมทั้งได้รับการอนุมัติรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)โครงการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ดังกล่าว จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว

ที่ผ่านมาบริษัทได้เร่งเตรียมความพร้อมในการเริ่มผลิตนํ้ามันดิบให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน นับเป็นสถิติใหม่ของโลกในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมนอกชายฝั่งในเวลาที่สั้นที่สุด ในการจัดซื้อ จัดจ้าง แท่นผลิตแบบเคลื่อนที่ได้ (Mobile Offshore Production Unit, MOPU) แท่นขุดเจาะ PVD1 ของ Petro Vietnam เพื่อขุดเจาะหลุมผลิต 9 หลุม รวมถึงจัดหาเรือเก็บกักปิโตรเลียมขนาด 7 แสนบาร์เรล พร้อมระบบท่อขนส่งใต้ทะเล อุปกรณ์เกี่ยวข้องกับการผลิตนํ้ามันดิบ ภายใต้การรักษามาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตปิโตรเลียมอย่างเคร่งครัดตามหลักมาตรฐานสากล และการกำกับดูแลโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน

"นอร์ธเทิร์นกัลฟ์ฯ" ได้ฤกษ์ ผลิตน้ำมันดิบ“แหล่งรสสุคนธ์” พ.ย.นี้

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า จะเริ่มผลิตได้ภายในสัปดาห์แรก ของเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ โดยมีกำลังผลิตประมาณ 10,000 - 12,000 บาร์เรลต่อวัน และในระยะต่อไปคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง ประมาณ 15,000-20,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นสำหรับประเทศไทย นอกจากช่วยให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับรัฐทั้งในรูปของค่าภาคหลวง และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมภายใต้ระบบสัญญาสัมปทานแล้ว ยังช่วยทดแทนการนำเข้านํ้ามันดิบและช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อีกด้วย

 “การเริ่มการผลิตนํ้ามันดิบในแหล่งรสสุคนธ์ ซึ่งเป็นแหล่งนํ้ามันของไทย โดยบริษัทของคนไทย ในครั้งนี้ นับเป็นความภูมิใจในศักยภาพและขีดความสามารถของคนไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม”

จากรายงานของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุว่า แปลง G6/48 ในอ่าวไทยได้รับอนุมัติเป็นพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมในเดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นแหล่งนํ้ามันดิบแหล่งใหม่ของประเทศไทยที่มีปริมาณสำรองนํ้ามันดิบประมาณ 15.8 ล้านบาร์เรล

 สำหรับการผลิตนํ้ามันดิบของไทยทั้งบนบกและในทะเลอ่าวไทยเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 1.87 ล้านบาร์เรลต่อเดือน คิดเป็นมูลค่า 5,078 ล้านบาท สามารถจัดเก็บค่าภาคหลวงได้ราว 528 ล้านบาท

 ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานผลิตปิโตรเลียมอยู่ราว 35 ราย แปลงสำรวจและผลิต 50 แปลง โดยเป็นในส่วนของแหล่งผลิตนํ้ามันดิบราว 30 แหล่ง ซึ่งดำเนินงานผลิตจริงอยู่ในทะเลอ่าวไทย 8 แปลง และบนบก 9 แปลง

 ขณะที่ข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน รายงานว่าเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 ประเทศไทย นำเข้านํ้ามันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 968,409 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.0 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้านํ้ามันดิบอยู่ที่ 87,481 ล้านบาทต่อเดือน