"ไอออน เอนเนอร์ยี่ ชี้ 5 ปีโซลาร์เป็นแหล่งผลิตพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก

21 ธ.ค. 2565 | 09:21 น.

ไอออน เอนเนอร์ยี่ ชี้ 5 ปีโซลาร์เป็นแหล่งผลิตพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก แนะรัฐออกมาตรการที่ชัดเจน สนับสนุนสินเชื่อผลักดันให้เกิดการใช้งาน

นายพีระกานต์ มานะกิจ ประธานอำนวยการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด (ION Energy) เปิดเผยว่า แนวโน้มของปี 65 ที่จะมาแรงอย่างแน่นอนคือเรื่องของค่าไฟ ซึ่งตามความเป็นจริงก็คือมาตั้งแต่ปีนี้ โดยแพงขึ้นทีเดียว 30% ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เห็นทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจสนใจติดโซลาร์เซลล์มากขึ้น

 

อย่างไรก็ดี การจะผลัดดันให้ภาคประชาชน หรือภาคเอกชนลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผฃิตไฟฟ้ามากขึ้นนั้น รัฐบาลจะต้องมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุน แม้ปัจจุบันจะมีมาตรการบางส่วนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เช่น ให้นำการลงทุนจากโซลาร์มาหักภาษีสำหรับผู้ประกอบการ  แต่ก็ยังต้องลุ้นปีต่อปีว่าในปีถัดไปจะต่ออายุมาตรการหรือไม่ 

 

ขณะที่ภาคประชาชนยังไม่มีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนทางด้านภาษี  แต่ในต่างประเทศจะใช้มาตรการสำคัญที่ช่วยดึงดูดให้ประชาชนกันมาใช้โซลาร์ฯมากขึ้น

นอกจากนี้ การสนับสนุนทางด้านสินเชื่อจากเอกชนก็เป้นสิ่งที่จำเป็น โดยปัจจุบันราคาในการติดตั้งจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาท ซึ่งภาคประชาชนยังไม่มีวิธีที่เข้ามาช่วยในการผ่อนชำระ  โดยจะมีสินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยก็สูงถึง 20% มองอย่างไรก็ไม่คุ้มค่า หรือสถาบันการเงินให้นำบ้านมาค้ำก็คงไม่มีผู้ใดต้องการทำแบบนั้น  ซึ่งมองว่าสถาบันการเงินน่าจะมีสินเชื่อสำหรับโซลาร์โดยเฉพาะมาสนับสนุน

 

"ประเด็นที่สำคัญก็คือการสนับสนุนทางด้านนโยบายจากภาครัฐ เช่นนโยบายการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์  โดยปัจจจุบันแม้ว่าจะมีอยู่แล้ว แต่ก็มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก อีกทั้งยังไม่ได้มีการประกาศที่เป็นแบบระยะยาว  รวมถึงหากภาครัฐรับซื้อไฟในอัตราที่เพิ่มขึ้นก็จะเป็นการช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับภาคประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนทางด้านสินเชื่อก็จะช่วยได้อย่างมากเช่นเดียวกัน"

 

นายพีระกานต์ กล่าวต่อไปอีกว่า การติดตั้งโซลาร์จะตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการลดค่าไฟฟ้า และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งการติดโซลาร์ฯจะเปรียบเสมือนโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ไม่ต้องเสียเงินให้กับผู้ใด โดยที่ผ่านมาค่าไฟอาจจะไม่ได้แพงมาก การติดตั้งโซลาร์อาจจะดูว่าต้นทุนสูง  แต่ปัจจุบันต้นทุนลงมามากกว่า 90% เพราะฉะนั้นจุดคุ้มทุนก้จะเหลือประมาณ 4-5 ปีเท่านั้น เรียกว่าเป็นการร่นระยะเวลาในการประหยัดค่าไฟฟ้าลง
 

อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานสกปรก โดยแม้ว่าผู้บริโภคจะหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) แต่เมื่อเสียบไฟชาร์ตจากที่บ้านก็เป็นการใช้พลังงานจากคาร์บอนมาผลิตอยู่ดี

 

"หากเราติดตั้งโซลาร์ฯกับบ้านเรือน 5 กิโลกวัตต์จะเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ 185 ต้น  โดยปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้พลังงานจากโซลาร์ฯเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งมากจากกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นหลัก  แต่หากดูการคาดการณ์จากทั่วโลกจะเห็นว่าภ่ยในอีก 5 ปี หรือปี 2570 โซลาร์จะกลายเป็นแหล่งผลิตพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก"