TPIPP เปิด 3 กลยุทธ์ มุ่งสู่ Net Zero เปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน

ในงานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ และ Thandigital สัมมนาใหญ่แห่งปีที่จะเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero อย่างยั่งยืน ช่วงบรรยายในหัวข้อ "Bio-circular Green Economy กับการพัฒนาที่ยั่งยืน"

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบสายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประมาณปี 2563 ทางกลุ่ม TPIPP ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า "Journey to net zero" วางแผนงานเพื่อมุ่งสู่ Net Zero

โดยมีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานถ่านหินไปสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน โดยยืนยันที่จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในการดำเนินธุรกิจ ผลิตสินค้าที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ Innovation เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

ก่อนอื่นจะต้องรู้จักกับ T ย่อมาจาก Technology โดยทั้งกลุ่มของ TPIPP ยืนยันต้องใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ถัดมาคือ P ย่อมาจาก Product หรือสินค้า ต้องเป็นการผลิตสินค้าดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ในชีวิตของลูกค้า สุดท้ายคือ I ย่อมาจาก Innovation หรือนวัตกรรม โดยยืนยันพัฒนาสินค้าใหม่ตลอดเวลา ทั้ง 3 ส่วนนี้ล้วนมีความสัมพันธ์เป็นห่วงโซ่เดียวกัน

"วิสัยทัศน์และพันธกิจของ TPIPP ยืนหยัดที่จะเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน Waste to Energy จากขยะสู่พลังงาน และเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เสมอ เพื่อสร้าง Zero Waste Ecosystem ภายในบริษัท ให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy)"

การเติบโตของ TPIPP เริ่มต้นจากการเปลี่ยนผ่านของกำลังการผลิตไฟฟ้า ดังนี้

• ปี 2552 เริ่มต้นที่ผลิตไฟฟ้า 60 MW จากพลังงานความร้อนทิ้ง
• ปี 2565 ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รวมผลิตไฟฟ้า 440 MW แบ่งเป็นพลังงานจากความร้อนทิ้ง 40 MW จากถ่านหิน 220 MW และจากขยะ 180 MW
• ปี 2567 ผลิตไฟฟ้ารวม 497 MW จากพลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, ถ่านหิน 150 MW, ขยะ 250 MW, Solar Farm 57 MW)
• ปี 2568 ประมาณปลายปีจะผลิตรวม 541 MW จากพลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, ขยะ 420 MW, Solar 81 MW)
• ปี 2569 เป็นต้นไปจะเป็น Coal Free Power Plant โดยไม่ใช้ถ่านหินเลย ซึ่งกำลังการผลิตรวม 541 MW 

โดยกลยุทธ์หลักในการมุ่งสู่ Net Zero จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ

1.สร้าง Solar Farm ใหม่ สามารถสร้าง Solar Rooftop สำเร็จแล้ว 6 MW ถัดมาจะเป็น Solar Farm เฟส 1-2 ที่จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 61 MW โดยผลิตจริงสำเร็จแล้ว 52.2 MW และ Solar Farm เฟส 3-4 จะผลิตประมาณ 28.4 MW ซึ่งจะผลิตจริง 24.1 MW ในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมในปี 2569 โดยขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับบริษัทแม่

2.เปลี่ยนจากถ่านหินเป็นขยะ (Replacement) จากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน 220 MW ในปี 2022 เฟส 1-3 ใช้ขยะทดแทนถ่านหินแล้วเสร็จไปแล้วประมาณ 40% เฟส 4 จะเปลี่ยนแล้วเสร็จต้นปี 2568 นี้ ซึ่งตอนนี้ทดแทนไปได้แระมาณ 20% เฟส 5 เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้และทดแทนไปได้อีก 20% และเฟส 6 คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือนสิงหาคมในปี 2568 นี้ ที่จะทดแทนได้อีก 20% และสิ้นสุดการใช้ถ่านหินกลายเป็น Coal Free Power Plant ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เป็นต้นไป

3.สร้างโรงไฟฟ้าขยะขนาดเล็กในต่างจังหวัด ในจังหวัดสงขลากำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 MW ผลิตจริง 7.9 MW จังหวัดมุกดาหาร 9.9 MW (ผลิตจริง 8 MW) ขณะนี้เริ่มเคลียร์พื้นที่แล้ว ส่วนตัวอย่างความสำเร็จในการจัดการขยะ (Waste Management) บ่อขยะ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาภาพเปรียบเทียบปี 2565 กับ 2568 บ่อขยะได้รับการจัดการและมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นภายใน 4 ปี

"บริษัทเราเปลี่ยนพลังงานจากถ่านหินเป็นขยะ และกำจัดขยะเป็นไฟฟ้า เดินหน้าอย่างแข็งขันใน Journey to Net Zero โดยมีแผนการที่ชัดเจน ผ่านการลงทุนที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ"