เนสท์เล่ ขับเคลื่อนเกษตรฟื้นฟู  เสริมคุณภาพชีวิตและรายได้เกษตรกรไทย 

16 พ.ค. 2566 | 05:06 น.

เนสท์เล่สนับสนุนเกษตรกรไทย เพิ่มศักยภาพและรายได้ ลุยพัฒนาการเกษตรแบบฟื้นฟู นำร่องโครงการ เนสกาแฟ แพลน 2030 เผยหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูในภาคใต้เริ่มสัมฤทธิ์ผล รายได้เกษตรกรเพิ่ม 88% ความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น และผลผลิตดีขึ้น

กว่า 3 ปีที่เนสท์เล่ทั่วโลก ประกาศเดินหน้าพัฒนาการเกษตรแบบฟื้นฟู พร้อมมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ.2573 และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 พร้อมกับการสร้างความเติบโตให้บริษัทในเวลาเดียวกัน
    

“วิคเตอร์ เซียห์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า เนสท์เล่นำหลักการ ESG (สิ่งแวดล้อม,สังคม และธรรมาภิบาล) มาผสมผสานในกระบวนการทำงานทุกมิติ ภายใต้ปรัชญาการทำงาน Good food, Good life หรือ อาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี

พร้อมกำหนดการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนไว้ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม กับเป้าหมาย Net Zero 2050 (พ.ศ.2593) ด้านสังคม ได้กำหนดเป้าหมาย นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีคุณภาพ เสริมสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมให้ความรู้ด้านการบริโภคและการมีสุขภาพที่ดีกับผู้บริโภค และด้านธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐานความปลอดภัย ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เน้นการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม ผ่านการดำเนินงาน 4 ด้านหลัก ได้แก่ บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ดูแลและจัดการทรัพยากรนํ้าอย่างยั่งยืน จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    

 

ส่วนงานด้านการเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เนสท์เล่ดำเนินภายใต้ โครงการ เนสกาแฟ แพลน 2030 เน้นส่งเสริมเศรษฐกิจที่ดีให้เกษตรกรและสร้างความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีความคืบหน้าในโครงการปลูกต้นไม้ในสวนกาแฟ เพื่อสนับสนุนการไปสู่เป้าหมายของกลุ่มเนสท์เล่ในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593)        

 นายเดวิด เรนนี่ สมาชิกคณะกรรมการบริหารกลุ่มเนสท์เล่และประธานกลุ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์กาแฟเนสท์เล่ กล่าวว่า โครงการเนสกาแฟ แพลน 2030 เป็นการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างเนสกาแฟกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผ่านแผนบูรณาการที่นำหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูมาช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและดีขึ้น ขณะเดียวกันยังปรับปรุงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น
    

ล่าสุด การทำงานเพื่อส่งเสริมหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูในภาคใต้ของไทย เกษตรกรได้รับประโยชน์จากผลผลิตที่ดีขึ้น เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น และจากการศึกษาเชิงวิชาการในท้องถิ่น พบว่า รายได้สุทธิจากฟาร์มของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากเนสกาแฟ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 88% ในปี 2565 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2561
    

“โจโจ้ เดลา ครูซ” ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 40 ปี ที่นักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอย่างใกล้ชิด โดยเนสกาแฟได้กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีกว่า 3.6 ล้านต้น และฝึกอบรมด้านการเป็นผู้ประกอบการสวนกาแฟให้กับเกษตรกรแล้ว 2,000 ราย เมล็ดกาแฟที่เนสกาแฟรับซื้อจากเกษตรกรในประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล เพื่อส่งมอบกาแฟคุณภาพให้กับผู้บริโภคชาวไทยและยังดีต่อโลกอีกด้วย
    

สำหรับโครงการเนสกาแฟ แพลน 2030 ในไทย เนสท์เล่ได้สานต่อความร่วมมือกับองค์กรความ
ร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และ PUR Projet ในการฝึกอบรมและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อเพิ่มผลผลิตในการปลูกกาแฟให้แก่เกษตรกร ตลอดจนสร้างความหลากหลายของผลผลิตในสวนกาแฟ และดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในสวนกาแฟเพื่อปรับปรุงคุณภาพดินและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
    

การปลูกต้นไม้ในสวนกาแฟ เนสท์เล่ได้ร่วมมือกับ PUR Projet ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในสวนกาแฟ 8 แสนต้น ระหว่างปี ค.ศ. 2022-2026 ที่จังหวัดระนองและชุมพร เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยเนสท์เล่เป็นบริษัทแรกที่นำร่องการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมชื่อ Ple,iades Neo satellites มาช่วยติดตามการปลูกต้นไม้ให้เติบโตในระยะยาวที่จังหวัดชุมพรและระนองตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 

 

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,886 วันที่ 11 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566