ถ่ายทอดสดฟุตซอลไทย vs ออสเตรเลีย เวียดนาม vs อินโดฯ ชิงแชมป์อาเซียนวันนี้

ตารางการแข่งขันและโปรแกรมการถ่ายทอดสดฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2024 เดินทางมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว โดยในวันนี้ 10 พฤศจิกายน แฟนฟุตซอลจะได้ติดตามการแข่งขันในรอบชิงอันดับสามและรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามเทอร์มินอลฮอลล์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จังหวัดนครราชสีมา

โดยเริ่มต้นจากการพบกันระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติออสเตรเลียในเวลา 15.00 น. ตามด้วยรอบชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติเวียดนามและทีมชาติอินโดนีเซียในเวลา 18.00 น.

ทีมชาติไทยซึ่งนำโดยหัวหน้าผู้ฝึกสอน มิเกล โรดรีโก้ จะต้องพบกับออสเตรเลียในรอบชิงอันดับสาม หลังจากพ่ายให้กับอินโดนีเซียในรอบรองชนะเลิศไปด้วยคะแนน 1-5 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้แฟนฟุตซอลไทยรู้สึกเสียดาย อย่างไรก็ตาม มิเกล โรดรีโก้ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกม โดยยอมรับว่าอินโดนีเซียทำได้ดีกว่าในการลงโทษความผิดพลาดของไทยและสามารถควบคุมเกมได้เหนือกว่า

โรดรีโก้ยังชื่นชมทีมไทยที่ถึงแม้จะพลาดเป้าหมายในรอบรองชนะเลิศ แต่ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ทีมไทยมีโอกาสทองถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ และต้องเจอกับการโจมตีตอบโต้จากอินโดนีเซียจนทำให้เสียประตูเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โรดรีโก้ยังยอมรับว่าเนื่องจากมีเวลาเตรียมทีมที่จำกัดทำให้ยังมีปัญหาเรื่องการส่งบอลและการประสานงานของผู้เล่น ซึ่งเป็นจุดที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาในการฝึกซ้อมต่อไป

“ผมไม่เศร้าเพราะอย่างน้อยเด็กๆ ในทีมชุดนี้ได้เจอกับการแข่งขันที่เข้มข้น และได้รับรู้ถึงระดับการแข่งขันที่แท้จริงของทีมชาติในระดับอาเซียน” โรดรีโก้กล่าว “ก่อนเกมเรามีผู้เล่นบาดเจ็บสองคน ทำให้มีตัวเลือกไม่มากนัก แต่เราจะเตรียมตัวอย่างดีเพื่อเจอกับออสเตรเลียในเกมถัดไป เราต้องการคว้าอันดับสามมาให้ได้แม้จะมีแรงกดดันมากมายก็ตาม”

โรดรีโก้ยังเผยถึงแผนในอนาคตว่าการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชันใหม่ของทีมฟุตซอลไทย โดยมีนักเตะรุ่นใหม่หลายคนที่ได้รับโอกาสและแสดงศักยภาพได้ดีในระดับหนึ่ง และการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้น

ตารางถ่ายทอดสดฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2024 วันนี้ 11 พ.ย.67

รอบชิงอันดับที่สาม

• ออสเตรเลีย พบ ไทย
• เวลา 15.00 น.

รอบชิงชนะเลิศ

• เวียดนาม พบ อินโดนีเซีย
• เวลา 18.00 น.

สามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ทาง YouTube และ Facebook ของเพจ "ช้างศึก" และ "ฟุตซอลไทยแลนด์"