กล่องไอพีทีวี "AIS-NT&3BB” จอดำหลังศาลฯสั่งระงับชั่วคราวถ่ายทอดสดบอลโลก

26 พ.ย. 2565 | 12:00 น.

ผู้ใช้กล่องไอพีทีวี “AIS-NT&3BB” จอดำหลังศาลทรัพย์สินทางปัญญาคุ้มครองชั่วคราวสั่งระงับถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ระบบโทรทัศน์ IPTVและระบบ OTT

วันนี้ 26 พฤศจิกายน 2565  แม้ศึกถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับกลุ่มทีวีดิจิทัล จบกันไปด้วยดี โดย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ยอมถอยแบ่งถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022  ให้กับทีวีดิจิทัลจำนวน 16 แมตช์คู่ขนานช่องทรูโฟร์ยู

 

แทนที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 สามารถได้ชมทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นการดูผ่านระบบโทรทัศน์ IPTV และ ระบบ OTT  (Over-The-Top เป็นบริการหนึ่งที่สามารถรับชมภาพยนตร์, โทรทัศน์ รวมถึงวงการสื่อดิจิทัล ที่มีการส่งเนื้อหาผ่านทางอินเทอร์เน็ต)

 

ล่าสุด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ออกคำสั่งคุมครองชั่วคราวไม่ให้ บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ SBN บริษัท ในเครือ แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วสิ จำกัด (มหาชน) หรือ AIS  ผู้ให้บริการ AIS PLAY BOX ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก (World Cup Final 2022) ผ่านโครงข่าย IPTV เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิทันที

ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ใช้บริการ AIS PLAY BOX ที่ติดกล่องเพื่อรับชมคอนเทนต์ที่มีอยู่กว่า 1 แสนรายแล้ว ยังกระทบลูกค้า บริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด ผู้ให้บริการกล่อง 3BB GIGA TV  ที่มีมากกว่า 5 แสนราย และ บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT  ที่ให้บริการกล่อง Nt BOX ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022  ได้เช่นเดียวกัน

 

ย้อนปมร้อน “TRUE-AIS” เปิดศึกฟุตบอลโลก 2022

จากกรณีที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ควักเงิน 300  ล้านบาทเป็นเจ้าของลิขสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022  แบ่งเป็น 100 ล้านบาท ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์มือถือสามารถรับชมถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชั่น และ อีก 200 ล้านบาทถ่ายทอดสดทางช่องทรูโฟร์ยู

 

AIS PLAY BOX

 

หลังจากข้อพิพาทกลุ่มทีวีดิจิทัล จบลงสามารถถ่ายทอดสดได้ 16 แมตซ์ไปแล้วนั้น แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อ 3BB ส่งหนังสือถึง กสทช. หากภายหลังมีผู้อ้างสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดส่งหนังสือแจ้งมาให้ระงับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022  กสทช.จะดำเนินการอย่างไร

AIS PLAY

 

3BB

นั่นจึงเป็นปมเปิดศึกระหว่าง “TRUE” กับ “AIS” เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้ส่งหนังสือถึง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. อาทิ SBN,NT และ 3BB เป็นต้น เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามประกาศหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์ แครี่) กรณีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022

 

หลังจากนั้น กสทช.ได้ชี้แจงกับกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวว่า โดยมีหนังสือชี้แจงดังนี้ อ้างถึงมติที่ ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมาที่มีมติเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติตามประกาศมัสต์แครี่ ดังนี้

1. ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อ 6 ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป

 

2. ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ และควบคุมการออกอากาศการให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปให้ออกอากาศเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

 

ดังนั้นบริษัทในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อ 1 และข้อ 2 โดยเคร่งครัด

 

ล่าสุด TRUE ได้อ้างความเจ้าของลิขสิทธิในการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final 2022) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยในระบบ IPTV และ ระบบ OTT ได้ยื่นฟ้องผู้ให้บริการทีวีอินเตอร์เน็ตรายหนึ่งที่ให้บริการผ่านกล่อง AIS PLAYBOX ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นการชั่วคราวด้วย

 

หลังจากนั้น TRUE  ได้ยื่นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อคุ้มครองถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ชั่วคราว จนล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 พ.ย. 2565 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯได้มีคำสั่งห้ามบริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN)ผู้ ให้บริการ AIS PLAYBOX แพร่เสียงและแพร่ภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final 2022)ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ อันเป็นการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มทรูในฐานะผู้ได้รับสิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

 

จากมาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวกลุ่ม ทรูแจ้งผู้ให้บริการโทรทัศน์ในระบบ IPTVและระบบ OTT ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอย่างถูกต้องทั้งหมดระงับการแพร่เสียงและแพร่ภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย(FIFA World Cup Final 2022)ในทันที เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกับคำสั่งศาลดังกล่าวและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการละเมิดสิทธิ์ตามกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาต่อไป

 

จากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯในครั้งนี้ กลุ่มทรูขอชี้แจงว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิในการรับชมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของประชาชนทั่วไป คนไทยยังคงสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านการให้บริการโทรทัศน์เป็นการทั่วไป (ฟรีทีวี) ได้ตามปกติ รวมทั้งยังสามารถรับชมการแข่งขันได้ทุกแมตช์ผ่านผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก(Pay TV)ในระบบเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมที่ผ่านการเข้ารหัสสัญญาณตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว