KEY
POINTS
วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 13.00 น. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ประกาศหมุดหมายครั้งสำคัญของประเทศ เมื่อ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. จับมือ นายธนพล คงเจี้ยง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงนาม MOU ยกระดับบริการทางกฎหมายสำหรับประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ
นี่ไม่ใช่เพียงบันทึกความร่วมมือ แต่คือ โครงข่ายความช่วยเหลือทางกฎหมายระดับชาติ เพื่อทำให้กฎหมายเข้าถึงง่าย คลายทุกปัญหาที่ผู้บริโภคเผชิญในชีวิตประจำวัน ด้วยการให้บริการ คำปรึกษา คำแนะนำ และแนวทางแก้ไขข้อพิพาทด้านผู้บริโภค โดยทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญ
พร้อมเปิดให้บริการ ตั้งแต่สำนักงาน สคบ. ส่วนกลาง ศาลากลางจังหวัด ไปจนถึงจุดบริการที่กำหนดในพื้นที่ เพื่อให้
ทุกคนในทุกจังหวัดเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องรอคอยนาน
ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เน้นชัดเจนว่า “ปัญหาผู้บริโภคต้องจบได้ และต้องจบอย่างเป็นธรรม”
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้คือ “อีกก้าวสำคัญของประเทศไทย” ในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างจริงจัง โดย สคบ. พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการทางกฎหมายที่มีคุณภาพ เท่าทันสถานการณ์ และทันสมัยที่สุด นโยบายนี้เป็นหนึ่งใน Quick Big Win ที่รัฐมนตรีสันติกำชับให้ “ต้องเกิดผลลัพธ์จริง ไม่ใช่แค่ประกาศ” จึงทำให้การลงนามในครั้งนี้ถูกออกแบบให้รองรับการให้บริการได้จริงในพื้นที่
พร้อมระบบประสานงานที่ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง สคบ. และสภาทนายความเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ขณะที่นายธนพล คงเจี้ยง เน้นย้ำถึงพันธกิจของสภาทนายความในการนำความรู้ด้านกฎหมายไปสู่มือประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างสังคมที่ผู้บริโภคเข้มแข็งและรู้เท่าทัน การลงนาม MOU ครั้งนี้ จึงถือเป็น “จุดเปลี่ยน” การคุ้มครองผู้บริโภคไทย เปิดประตูให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพเข้าถึงบริการทางกฎหมายอย่างสะดวก ทั่วถึง และเท่าเทียม
การลงนามครั้งนี้คือ สัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ระบบคุ้มครองผู้บริโภคยุคใหม่ที่ประชาชนสามารถได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย ใกล้ตัวที่สุด ทันสมัยที่สุด และเท่าเทียมที่สุด เพราะสำหรับ สคบ. และสภาทนายความ การปกป้องประชาชนไม่ใช่หน้าที่ แต่คือ “พันธกิจที่ต้องทำให้ดีที่สุด”