ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้มีการจัดสรรทุนเพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ไปแล้วจำนวน 446 โครงการภายใต้งบประมาณมากกว่า1,000ล้านบาท และสำหรับสําหรับปีงบประมาณ 2564 เป็นปีแรกที่กองทุนสื่อฯเปิดให้ทุนสำหรับเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ ภายใต้งบประมาณ40ล้านบาท
ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนที่จะเข้ารับทุน จะต้องมีอายุ 13-25 ปี ภายใต้เงื่อนไขเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปีหรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องให้บิดา มารดาหรือผู้ปกครองให้ความยินยอม รวมทั้งเซ็นสัญญาค้ำประกัน ในขณะที่นิติบุคคล อาทิ สมาคมหรือมูลนิธิที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็ก รวมไปถึงสถาบันการศึกษาสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้โดยให้เด็กในความดูแลเป็นผู้จัดทำโครงการและยื่นขอสนับสนุนทุน
สำหรับการพิจารณาอนุมัติทุน กองทุนสื่อฯไม่ได้จำกัดจำนวนโครงการและเม็ดเงินในแต่ละโครงการ แต่จะพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลของแต่ละโครงการ ภายใต้กรอบสำคัญ 5 ด้านได้แก่
1. เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว ชุมชน และสังคม
2. เพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อและการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิต การเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์
3.เพื่อนําเสนอเรื่องราวในชุมชน วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การท่องเที่ยว หรือ มุมมองใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากสภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคม
4. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมหรือสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มคนต่างวัย หรือเป็นการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม หรือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่คนพิการในการเข้าถึงสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 5. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้และการสร้างนวัตกรรม
“เราเชื่อมั่นในพลังด้านบวกของเด็ก เมื่อเด็กมีโอกาส มีพื้นที่ในการแสดงออกความคิดสร้างสรรค์จะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะกับกองทุนสื่อฯ แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศชาติด้วยเพราะผลงานของเด็กไทยหลายชิ้นมีคุณภาพเทียบเท่ามืออาชีพ เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อมั่นในพลังของเยาวชน เพราะเรื่องของการผลิตสื่อ เงินไม่ใช่ตัวชี้วัด แต่เป็นเรื่องของความรู้และจินตนาการ เมื่อสองสิ่งนี้บวกกันจะเกิดเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ เราถึงกล้าที่จะคิดการณ์ใหญ่ว่าวันหนึ่งเราจะเจอช้างเผือกและเราเชื่อว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้ากองทุนจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนที่ต่างประเทศสามารถทำได้ เริ่มจากปีหน้ากองทุนสื่อฯ จะจับมือกับภาคีเครือข่ายทั่วโลกเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สื่อโดยใช้ความสามารถของเยาวชนไทย ทั้งวิถีชีวิต ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรมมาต่อยอดบนเวทีโลก”