ก้าวสู่ 8 ทศวรรษกับ “ข้าวหงษ์ทอง” และโครงการหงษ์ทองนาหยอด เพื่อชาวนาพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

10 พ.ค. 2560 | 18:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“เรามุ่งพัฒนาการดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อาชีพเกษตรกรรม” เพราะเป็นรากแก้วที่สำคัญของการสร้างความอุดมสมบูรณ์ ผ่านการเชิญชวน บูรณาการ และลงมือปฏิบัติจริง”ต้นกล้าทางความคิดจาก คุณวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด หรือ ข้าวหงษ์ทอง

DSC_0058

คุณวัลลภ เปิดเผยว่า ข้าวหงษ์ทองคลุกคลีกับชาวนามาโดยตลอด ซึ่งเราเข้าใจและรับทราบถึงปัญหาของเกษตรกรหลากหลายด้าน อาทิ โครงสร้างพื้นฐานที่ยังเข้าไม่ถึง ราคาของวัตถุดิบที่ผันผวน รวมทั้งภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง โดยเรามองว่าต้นตอของปัญหาที่แท้จริงเกิดจากการจัดการและแก้ไขปัญหาที่ปลายน้ำเป็นส่วนใหญ่ เราจึงน้อมนำแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ทรงวางรากฐานการพัฒนาประเทศบนกรอบพื้นฐานการพึ่งตนเองเพื่อความกินอยู่ดี ลดความเหลื่อมล้ำและมีรายได้อย่างมั่นคง มาตกผลึกด้วยความเพียรพยายามเพื่อสร้าง “โครงการหงษ์ทองนาหยอด”

โครงการหงษ์ทองนาหยอด โพนข่า จ.ศรีสะเกษ

คุณวัลลภฉายภาพรวมโครงการดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจว่า โครงการหงษ์ทองนาหยอดเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 โดยเราได้ทำโครงการการนำร่องนาหยอดขึ้นซึ่งมีวัตุประสงค์หลัก “เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และปรับปรุงคุณภาพการทำนาให้ดีขึ้น”ซึ่งที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นในการทดลองและบูรณาการหลากหลายวิธีจนพบว่า การทำนาหยอดแบบแห้ง คือ กระบวนการที่เหมาะสมที่สุดในการทำนาข้าวหอมมะลิสำหรับภาคอีสาน

โดยแนวทางการปลูกข้าวของเกษตรกรในภูมิภาคดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่เน้นการหว่านเพื่อต้องการให้คลุมหญ้าในพื้นที่นา ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์จำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินมากพอในการไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวที่บริสุทธิ์มาปลูก กลับกันจำเป็นต้องเลือกใช้เมล็ดข้าวที่เก็บเกี่ยวได้มาปลูก ทำให้ข้าวหอมมะลิอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา  คุณภาพความหอม ความนุ่ม ลดลง

อย่างไรก็ดีกระบวนการนาหยอดแห้งที่เราร่วมกันทดลองกลับตอบโจทย์เกษตรกรได้ดี เพราะ สามารถให้ผลผลิตที่สูงโดยต้องใช้เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ในการปลูกเพียง 10 กิโลกรัมต่อไร่ โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกับข้าวหงษ์ทอง ผลผลิตที่ได้ทางบริษัทฯจะรับซื้อทั้งหมดพร้อมให้ราคาที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปประมาณ 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม

666

ข้อเด่นของการทำนาหยอด คือ ผลผลิตที่เรียงกันเป็นแถว สามารถบริหารจัดการวัชพืชได้ง่าย ลดการใช้ยาฆ่าแมลง และใช้ปุ๋ยน้อยแต่ได้ข้าวมีคุณภาพที่ดีขึ้น มีความบริสุทธิ์ สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้อย่างเด่นชัด

จับภาพหน้าจอ 2559-10-11 เวลา 10.32.29

สำหรับพื้นที่ดำเนินงานโครงการดังกล่าว คือ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงสีของเรา โดยตั้งเป้าการดำเนินงานไว้ 20,000 ไร่

โครงการนาหยอดถือได้ว่าเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถยืนหยัดและจัดการกับปัญหาได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

คุณวัลลภ-1

จากการส่งเสริมให้ความสำคัญแก่เกษตรกร ชาวนา รวมถึงการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ อุทิศตนเพื่อพัฒนาองค์กรต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร และภาคการศึกษา ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ของนายวัลลภ  มานะธัญญา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ ประจำปีการศึกษา 2558

ปัจจุบัน บริษัท คือหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมข้าวระดับสากลที่มุ่งผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหอมมะลิคุณภาพ ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ชื่อว่า  “Golden Phoenix หรือกิมหงษ์ ในต่างประเทศ และหงษ์ทอง ภายในประเทศ”ได้รับการยกย่องให้เป็น“ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก” ด้วยการเดินหน้าทำการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกระดับโลกใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังลูกค้ากว่า 50 ประเทศและ 5 ทวีปทั่วโลก

จัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นทั้งหมด3  บริษัทโดยแบ่งเป็น บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทองไปยังต่างประเทศ  คือ บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัดมี 3 สาขานนทบุรี  สาขาศรีสะเกษ สาขาร้อยเอ็ด และ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัดทำหน้าที่จัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทองภายในประเทศ และบริษัทบีเอสซีเอ็ม ฟู้ดส์ จำกัดเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ต่อยอดจากวัตถุดิบข้าวเช่น ข้าวพร้อมรับประทาน  เครื่องดื่มจากข้าว

ข้าวหงษ์ทอง เติบโตอย่างมั่นคงกว่า 80 ปี ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “เราใส่ใจ ซื่อสัตย์ ในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ให้ได้รับผลประโยชน์อย่างสมดุลและยุติธรรม” ทำให้ผลิตภัณฑ์ข้าวตราหงษ์ทองเป็นส่วนหนึ่งของการหล่อเลี้ยงความสุขและเสริมสร้างชีวิตที่มีคุณค่าให้กับประชาชนชาวไทยมาจนถึงปัจจุบันด้วยความภาคภูมิใจ

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://hongthongrice.com/rice และ https://www.facebook.com/HongThongRice