อสังหาฯทรุด กระทุ้งสำเร็จ แบงก์พาณิชย์ลด MRR ช่วยผู้กู้รายย่อย -ภาคธุรกิจ  

15 ส.ค. 2568 | 00:03 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2568 | 00:18 น.

 แบงก์พาณิชย์ลดดอกเบี้ย ตามกนง. MRR – MOR - MLR หลัง   อสังหาฯ-ภาคก่อสร้าง กระทุ้งหลายรอบ ช่วยคนซื้อบ้าน-ผู้กู้รายย่อย-ภาคธุรกิจตามจริง เหตุครึ่งปีหลังเศรษฐกิจดิ่งกว่าครึ่งปีแรก ภาษีสหรัฐฯ -ท่องเที่ยวไม่ฟื้น หนักสุด คนปฏิเสธสินเชื่อ ไม่มั่นใจสถานการณ์ข้างหน้า ชี้แม้ลดดอกเบี้ยหากไม่ปล่อยสินเชื่อย่อมไร้ความหมาย

KEY

POINTS

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย  ระบุก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมว่า ธนาคารพาณิชย์รวมถึงธนาคารรัฐควรปรับลด อัตราดอกเบี้ย MRR สำหรับผู้กู้รายย่อยที่ซื้อบ้านลงตามดอกเบี้ยนโยบาย

เช่นเดียวกับนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย มองว่า ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงธนาคารของรัฐไม่ลดดอกเบี้ย ลงตามข้อเท็จจริง เพราะเป็นดอกเบี้ยแนะนำ จาก “กนง.”  MRR เป็นศูนย์ มีผลให้ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยยังมีอัตราที่สูงตาม

ผู้ซื้อปฏิเสธสินเชื่อ -ชูโมเดลญี่ปุ่นฟิกซ์เรต 20ปี

            สอดคล้องกับ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  สะท้อนว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการอยากได้คือ ดอกเบี้ยที่ลดตามความจริงเพื่อให้ประชาชนมีกำลังผ่อนได้ หากรัฐเปลี่ยนแปลงเรื่องดอกเบี้ยได้จะเป็นตัวบวกที่ดีอย่างมากสำหรับผู้บริโภค

 ที่สำคัญ ดอกเบี้ยปรับตัวสูงมีผลต่อการผลักดันให้ราคาบ้านสูงตามและเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี แม้ว่าสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อแต่หาก คนในครอบครัวหรือแม้แต่ผู้ซื้ออาจปฏิเสธการขอรับสินเชื่อเอง  โดยมองว่าอนาคตมีความไม่แน่นอน

นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาสำหรับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามการเข้าถึงที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน หากเป็นไปได้อยากให้รัฐมีนโยบายลดดอกเบี้ย คงที่ระยะยาวเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว20ปี

ลดดอกเบี้ยหนุนมาตรการรัฐกระตุ้นซื้อบ้าน

 นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาคุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย สะท้อนว่า กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ และช่วงที่ภาวะหนี้ครัวเรือนกดดันกำลังซื้อคนไทยมากแบบนี้ การที่ดอกเบี้ยลดลงแค่ 0.25% ย่อมเป็นผลดี แม้ว่าส่วนที่ลดลงจะไม่มากนัก เพราะถ้าดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลง 0.25% ถ้าเงินต้น 1 ล้านบาทอาจทำให้ยอดผ่อนชำระรายเดือนลดลง 200 บาท แต่ถ้าเงินต้น 3 ล้านบาทจะทำให้ยอดรายเดือนลดลงไป 500 บาทหรือมากกว่าเล็กน้อย ซึ่งมีผลตอนพิจารณาขอสินเชื่อเเน่นอน

สำหรับบางคนที่ฐานเงินเดือนพอดีหรือหมิ่นเหม่กับยอดผ่อนขำระรายเดือนพอดี และช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้ ถัาซื้อตอนนี้จะมีมาตรการรัฐบาลในการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ค่าจดจำนองในกรณีที่เป็นการซื้อที่อยู่อาศัยครั้งแรก ประกอบกับผู้ประกอบการต่างๆ มีการลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นต่างๆ ควบคู่ไปด้วย คนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะทั้งธนาคาร รัฐบาล เอกชนพร้อมใจกันกระตุ้นกำลังซื้อพอดี

แบงก์ไม่ปล่อยกู้ลดดอกเบี้ยไร้ความหมาย

            ด้านนายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สะท้อนว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ในภาพรวมมีผลให้เกิดการผ่อนคลายจากภาระดอกเบี้ย ทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ผ่อนที่อยู่อาศัย แต่ในทางตรงกันข้ามเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่มีมรสุมรุมเร้า สถาบันการเงินยิ่งเพิ่มความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ แม้มีนโยบายลดดอกเบี้ยหากธนาคารไม่ปล่อยกู้ก็ไร้ความหมาย

 

หน้า20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,123 วันที่ 17 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

 

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25%  มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ในรอบการประชุม ครั้งที่ 4 ปีนี้ โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอลงเมื่อเทียบครึ่งปีแรก ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความเปราะบาง ซึ่งมีผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมจากภาษีสหรัฐอเมริกา จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ลดลงตามการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น

 

 ที่น่ากังวลคือภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลกระทบทั้งกำลังซื้อหายไปจากตลาด สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ ที่หนักไปกว่านั้นคือ ผู้ซื้อปฏิเสธการขอรับสินเชื่อเอง เนื่องจาก อัตราการผ่อนชำระต่องวดรวมดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เมื่อมองระยะยาวไม่เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น  อย่างไรก็ตามมาตรการการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง เป็นกระสุนนัดสำคัญที่ช่วยให้ต้นทุนธุรกิจลดลง และผ่อนคลายภาระประชาชนผู้ผ่อนบ้านในยามเศรษฐกิจผันผวนรุนแรง

ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลักๆแทบทุกค่ายพร้อมใจกันลดดอกเบี้ยตามกนง. ทั้ง MRR – MOR – MLR โดยมีผลวันที่15 สิงหาคม ต่างจากครั้งก่อน หลังจากภาคเอกชนเรียกร้องมาโดยตลอด รวมถึงการปล่อยสินเชื่อตามจริงสำหรับคนที่พร้อม ในทางกลับกันหากธนาคารยังคงเข้มงวดสินเชื่อมองว่ามาตรการเสริมลดดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ช่วยอะไร

ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย

3ข้อดี ลดดอกเบี้ย ลดภาระผ่อน -กู้ได้มากขึ้น-กระตุ้นตลาด

            ในมุมสะท้อนของนายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.50% โดยธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นมาตรการที่ส่งสัญญาณที่ดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผ่อนบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงในหลายด้าน

            ประการแรก การลดดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย MRR ของธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านอยู่มีภาระค่าใช้จ่ายลดลง บางรายอาจประหยัดเงินได้หลายร้อยถึงพันบาทต่อเดือน ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับครัวเรือน และลดความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ 

ประการที่สอง สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ใหม่ ดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ความสามารถในการกู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะค่าผ่อนชำระต่อเดือนถูกลง ส่งผลให้มีผู้มีคุณสมบัติเข้าระบบสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานและคนวัยทำงานที่อาจเคยถูกตัดโอกาสเนื่องจากข้อจำกัดด้านรายได้ 

 ประการที่สาม ในมุมมองของผู้ประกอบการ มาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้มีชีวิตชีวาขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้อบ้านเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายและถูกกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยลดสต๊อกบ้านและคอนโดมิเนียม ที่ค้างขาย พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อไป

ดันธปท.ประสานแบงก์พาณิชย์ลดMRR ช่วยผู้กู้รายย่อย -ภาคธุรกิจ 

 อย่างไรก็ตาม สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการเสริมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยควรกำกับดูแลให้ธนาคารพาณิชย์ให้ความร่วมมือลดMRR ให้แก่ผู้กู้รายย่อย และภาคธุรกิจ เต็มตามอัตราส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้  เพื่อให้มาตรการการเงินนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยประชาชนได้อย่างแท้จริง 

 มองว่า นโยบายการเงินครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญแต่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ควรมีการประสานงานกับนโยบายการคลังและมาตรการกระตุ้นอุปสงค์อื่นๆ ต่อไป โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและความเหลื่อมลํ้าในการเข้าถึงสินเชื่อด้วย

  สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเชื่อว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยบรรเทาภาระให้ประชาชน แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจในภาพใหญ่ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นฟันเฟืองหลักของการจ้างงานและการเติบโตของประเทศ