ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี มีแผนลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บนพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยนำร่อง 4 บิ๊กโปรเจ็กต์ มูลค่าลงทุนกว่า 1.79 ล้านล้านบาท ทั้งรถไฟ ความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง -สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เมืองการบินอู่ตะเภา
รวมถึงโครงการศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ EEC Capital City (EECiti) ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีเป้าหมายในขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อดึงดูดการลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย
ล่าสุด การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับสกพอ.กดปุ่มพัฒนา โครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ (Sport Complex) หรือโครงการศูนย์กีฬานานาชาติ จังหวัดชลบุรี 1,500ไร่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท หนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ EEC Capital City (EECiti) จังหวัดชลบุรี แม่เหล็กดึงดูดความสนใจ นักลงทุนเข้าพื้นที่
ย้อนไปก่อนหน้านี้ สกพอ. หรือ EEC ร่วมกับกกท. ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขยายพื้นที่ โครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (EECiti) จากเดิม 5,700 ไร่ เป็น 14,619 ไร่ สามารถรองรับโครงการสำคัญต่างๆ รวมถึงสปอร์ตคอมเพล็กซ์ 1,500 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว 5,000 ไร่ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ และเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) โดยกกท. ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬา
โดยประเมินว่า จะเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น เพราะด้วยศักยภาพ ใกล้ เมืองพัทยา ใกล้กรุงเทพมหานครและสนามบินสุวรรณภูมิอีกทั้งยังมีโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง -สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รวมถึงระบบฟีดเดอร์
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ของกกท. อยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษารายละเอียดรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในการดึงดูดนักลงทุน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี จากนั้นจะเปิดเชิญให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อใช้พื้นที่โครงการฯต่อไป โดยมีอายุสัญญาสัมปทาน 50 ปี
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวควรให้เอกชนผู้ชนะการประมูลโครงการเป็นรายเดียวเพื่อบริหารโครงการให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการคาดว่าโครงการนี้จะก่อสร้างราว 4 ปี ซึ่งแล้วเสร็จภายในปี 2572 สอดรับกับการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน
โดยเชื่อว่าโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นพื้นที่ที่มีสนามกีฬา เหมาะแก่การจัดกิจกรรมและการแข่งขันต่างๆ ด้านกีฬา สามารถสร้างรายได้ให้อีอีซีได้ ส่วนวงเงินลงทุนเบื้องต้นคงต้องรอความชัดเจนจากผลการศึกษาโครงการนี้จากกกท.ก่อน
ด้านดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า สำหรับการก่อสร้างสปอร์ต คอมเพล็กซ์ (Sport Complex) ในพื้นที่เมืองใหม่อีอีซีนั้น ได้เจรจากับทางอีอีซี ที่จะขอเพิ่มพื้นที่อีกประมาณ 1,200-1,800 ไร่ เพื่อให้ได้พื้นที่รวมเป็นประมาณ 1,500-2,000 ไร่ ในการสร้างสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ซึ่งอีอีซี สามารถเวนคืนที่ดิน สำหรับการนำมาพัฒนาโครงการนี้ได้ ซึ่งโครงการนี้มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยจะของบสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเป็นการเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน หรือ PPP
สำหรับแผนการสร้าง “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ในพื้นที่ อีอีซี เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งในขณะนี้ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ไว้แล้ว ว่าจะผลักดันให้อยู่ในเฟสแรกของการพัฒนาเมืองใหม่อีอีซี ที่จะยกระดับศูนย์ฝึกกีฬาภาคตะวันออกของ กกท.ในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่อยู่ 200 กว่าไร่
ทั้งนี้ที่กกท.เลือกพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเดินทางสะดวก เป็นที่มีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อในอนาคต รถไฟความเร็วสูง ใกล้สนามบิน เพราะถ้ามีสนามกีฬาขนาดใหญ่ การเดินทางทั้งทางบก ทางราง ทางเครื่องบิน มีความสะดวก และสามารถขยายเชื่อมกับกิจกรรมต่างๆ ในอีอีซีได้ ทำให้พื้นที่คึกคัก ซึ่งโครงการนี้ได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว และกีฬาในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งล่าสุดเตรียมนำเรื่องเข้าบอร์ดกกท.และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ตามแผนคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี2572
ด้วยศักยภาพของพื้นที่ ภายในโครงการ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ แห่งนี้ จะประกอบไปด้วย สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ จุได้ 80,000 ที่นั่ง มากกว่าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ที่จุได้เพียง 40,000 ที่นั่ง เพื่อให้มีศักยภาพรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ ซึ่งจะเป็นเวโลโดรม (Velodromes) รองรับการแข่งขันได้ในหลายชนิดกีฬา และกีฬาใหม่ๆ อาทิ กีฬาขี่ม้า แข่งม้า และยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ในแบบมัลติเพอร์เพิร์ส (Multipurpose) อย่างการจัดคอนเสิร์ต หรือ กิจกรรมต่างๆได้ด้วย
ขณะแผนพัฒนาในภาพรวมของโครงการศูนย์ธุรกิจ อีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะหรือที่เรียกว่า “เมืองหลวงของอีอีซี” สกพอ. ยังคงเดินหน้า โครงการต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาเขตอีอีซีรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve Target Industries) บนพื้นที่รวม 14,619 ไร่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่าการลงทุนประมาณที่ 1.34 ล้านล้านบาท สามารถช่วยกระตุ้นการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ภายใน 10 ปี และสร้างพลังทางเศรษฐกิจให้ประเทศ
ในการประชุมครม. เมื่อ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2566 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โครงการศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (Future Livable Smart City: EECiti) ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ ให้ สกพอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นพิจารณาก่อนประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
รวมทั้ง เตรียมเสนอครม.เห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ภายในปลายปี 2568 หลังจากนั้นจะรวบรวมความคิดเห็นเพื่อจัดทำเป็นโมเดลธุรกิจ (Business Model) ก่อนกลับมาเสนอต่อกพอ.และครม.เห็นชอบรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ก่อนประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมประมูลภายในต้นปี 2569 โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2570 ระยะเวลาก่อสร้างราว 2-3 ปี คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2573
นี่คืออีกหนึ่งโครงการใหญ่ สำหรับ ศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (EECiti) เมืองแห่งอนาคต หรือกรุงเทพมหานครแห่งที่2ที่น่าจับตายิ่ง !!!
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,103 วันที่ 8 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568