การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส2 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย เมียนมา ท็อปฟอร์มซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากที่สุดแต่ปรากฎว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากลับพบว่ามีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC ติดตามสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่ามีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 3,342 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมด
ส่วนมูลค่าคิดเป็นร้อยละ 21.1 หรือมีมูลค่า 14,874 ล้านบาท ภาพรวมไตรมาส 2 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของคนต่างชาติลดลงร้อยละ -6.2 และ -17.7 ตามลำดับ
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
มีข้อสังเกตว่า พบสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของผู้ซื้อสัญชาติจีน รัสเซีย และเมียนมาในไตรมาส 2 ปี 2567
มีสาเหตุมาจากแต่ละประเทศเริ่มมีนโยบายห้ามนำเงินออกจากต่างประเทศขณะเดียวกันระเบียบการนำเงินเข้าประเทศเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ของไทยค่อนข้างเข้มงวดขณะเดียวกันสัญชาติรัสเชียรวมถึงประเทศที่มีผลกระทบกับสงครามเริ่มปรับตัวได้ ซึ่งทางออกภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันหาทางออก
เมื่อพิจารณาภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก พบว่า มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ 7,280 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.6 ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมดส่วนมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.6 หรือมีมูลค่า 32,888 ล้านบาท
โดยผู้ซื้อสัญชาติจีนยังคงมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวน 2,872 หน่วย มูลค่ารวม 13,203 ล้านบาท
อันดับ 2 คือ สัญชาติเมียนมา จำนวน 638 หน่วย มูลค่า 3,240 ล้านบาท
อันดับ 3 สัญชาติรัสเซีย จำนวน 567 หน่วย มูลค่า 1,874 ล้นบาท
อันดับ 4 สัญชาติไต้หวัน จำนวน 326 หน่วย มูลค่า 1,592 ล้านบาท
และอันดับ 5.สัญชาติสหรัฐอเมริกา จำนวน 292 หน่วย มูลค่าอันดับ 5.สัญชาติสหรัฐอเมริกา จำนวน 292 หน่วย มูลค่า 1,580 ล้านบาท