นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 1,787 ล้านบาท หรือลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นการขายและส่งมอบโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่จากปี 2565-2566 เป็นหลัก อย่างไรก็ตามหากดูยอดการโอนกรรมสิทธิ์รวมถึงกำไรสุทธิอยู่ที่ 79 ล้านบาท หรือเติบโต 8% YoY
สำหรับภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการรวม 1,480 ล้านบาท มียอดขายสะสมที่ 9% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขาย (Presale) สำหรับ 4 เดือนแรกของปีได้มากกว่า 4,300 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มาจากโครงการดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส โครงการโนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา โครงการโนเบิล สเตท 39 โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ โครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว และโครงการนิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ เป็นต้น โดยยอดขายดังกล่าวสามารถแบ่งเป็นยอดขายจากลูกค้าภายในประเทศ 34% และยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ 66%
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศพม่า จีน และไต้หวัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อว่ายอดขายลูกค้าต่างชาติในปี 2567 จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ทำนิวไฮระดับ 5,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งของ NOBLE ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง
ในช่วง 8 เดือนหลังของปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนอย่างต่อเนื่องอีก 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,130 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise รวมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,230 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง รวมจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เพื่อจะตอบรับความต้องการที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 20,600 ล้านบาท
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ารวม 21,371 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (Under Construction) และโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย (New Project) รวมมูลค่าทั้งหมด 34,625 ล้านบาทที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 14,000 ล้านบาท
นายธงชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า สำหรับต่างชาติยังคงให้ความสนใจกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของผลกระทบเชิงบวกจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุน (Affordable)
ขณะลูกค้าภายในประเทศน่าจะได้ รับปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลประกาศเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาฯ จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาประเมินไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยในปัจจุบันบริษัทฯ
มีสัดส่วนของสินค้าพร้อมขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทอยู่ที่ระดับ 32% ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ให้มีความคึกคักมากขึ้น รวมถึง สินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ โครงการ Happy Home อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปีเป็นระยะเวลา 5 ปี และโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี และสินเชื่อบ้านจากธนาคารออมสิน ได้แก่
โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี และโครงการสินเชื่อ D-HOME อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น