“สโคป หลังสวน “ สร้างสถิติใหม่ ดันราคาขาย -เช่าต่อตร.ม. สูงสุดในไทย

 “SCOPE”   ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับอัลตร้าลักชัวรีที่เชื่อมั่นว่า ตลาดลงทุนระดับ ดังกล่าวยังคงสดใส และสร้างผลตอบแทนสูง  นาย ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด สะท้อนว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นการลงทุนที่เต็มไปด้วยโอกาสและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ โดยเฉพาะในเซกเมนต์อัลตร้าลักชัวรี ที่กลุ่มกำลังซื้อสูง

ทว่าในประเทศไทยมีผู้พัฒนาที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการในเซกเมนต์ดังกล่าวอยู่ไม่มาก ส่งผลให้มีอุปสงค์ค่อนข้างสูง นับว่าเป็นการลงทุนที่ไปต่อได้ในระยะยาว โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทำเลที่ดินเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เนื่องจากที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่ราคาเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

โดยเฉพาะในทำเลที่หายาก สะดวกสบายและอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ โดยเฉพาะที่ดินแบบ  Free Hold สามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ได้ 100% สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างก้าวกระโดด สามารถส่งต่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานได้

ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 65% พร้อมสร้างปรากฎการณ์ทุบสถิติทั้งราคาขายและราคาเช่าเฉลี่ยต่อตารางเมตร ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย ด้วยราคาขายสูงกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร โดยปัจจุบันยูนิตเพนต์เฮาส์ทั้ง 4 ยูนิตของโครงการได้ Sold Out เป็นที่เรียบร้อย หลังการเ ปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียงไม่นาน

นอกจากนั้น มูลค่าการขายต่อของ สโคป หลังสวน ยังพุ่งขึ้นสูงในระยะเวลาอันสั้น โดยล่าสุดมีการประกาศขายต่อห้อง Penthouse แบบ Fully Fitted ขนาด 461 ตร.ม. ด้วยราคา ตร.ม. ละ 1.2 ล้านบาท ด้านราคาปล่อยเช่ามีราคาเช่าเฉลี่ยที่สูงถึง 2,500 บาท/ตร.ม. 

จากการให้ข้อมูลของลูกค้าที่ระบุว่าโครงการมีความโดดเด่นและแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ด้วยทำเลที่หายากและมีศักยภาพในแง่การลงทุน ด้วยที่ดินโครงการที่เป็นแบบ Free hold ซึ่งให้สิทธิ์ขาดถาวรในการครอบครองและพัฒนากับเจ้าของโฉนด ต่างจากที่ดินส่วนใหญ่ในย่านนี้ที่เป็นแบบ Lease hold ที่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ต้องคืนสิทธิ์ให้เจ้าของพื้นที่

นอกจากนี้หลังสวนยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์มากมายส่งผลให้หลังสวนเป็นหนึ่งในทำเล ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD )ที่ราคาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย (ตารางวาละ 2-3 ล้านบาท) และราคาค่าเช่าเฉลี่ยสูงกว่า 2,000 บาท/ ตร.ม. ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของไทย จึงนับเป็นสินทรัพย์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ที่ไม่ใช่เพียงหายาก แต่มูลค่าของที่ดินแถบนี้มีอัตราเติบโตสูงถึงราว 6% ต่อปี