กว่า18ปี “ซิซซา กรุ๊ป” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุนรูปแบบ Invesment Property (IP) ที่น่าจับตา และ หนึ่ง ในบริษัทผู้พัฒนาโครงการลักชัวรีเจาะตลาดทางภาคใต้ อย่างภูเก็ต และพังงา จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางกลับมา ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ หัวเมืองใหญ่กลับมามีชีวิตชีวา อีกครั้ง
หลังประสบความสำเร็จและมีแผนขยายโครงการต่อเนื่องในพื้นที่ ภายใต้การขับเคลื่อนของ “อรรถนพ พันธุกำเหนิด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซิซซา กรุ๊ป จำกัด ล่าสุดให้ “สัมภาษณ์” ถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหา ริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวว่ามีแนวโน้มดีต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาด “พูลวิลล่า” ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ
ผู้รับเหมาสู่ผู้บุกเบิกตลาดอสังหาฯ
ย้อนวันเวลา ก่อนประสบความสำเร็จจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “อรรถนพ” เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่อยู่อาศัยจนกระทั้งเจอสถานการณ์สึนามิ ส่งผลให้มีคนงานเสียชีวิตราว 17 คน แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีลูกค้าหลายรายให้ความสนใจให้บริษัทเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการต่างๆ ทำให้เรามีงบประมาณที่สะสมสามารถนำไปซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัยจนกลายเป็นโปรเจ็กต์จนถึงปัจจุบันได้
ทั้งนี้ในปี 2548 ได้ก่อตั้งบริษัทที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ โดยโครงการแรกที่บริษัทได้พัฒนา คือ The Club & Spa โครงการเรสซิเดนซ์พูลวิลล่าระดับหรูในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่เส้นทางธุรกิจ จนปี 2561 ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจมาเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และร่วมมือกับวินด์แฮม โฮเทลส์ แอนด์ เอเชีย แปซิฟิก ดำเนินโครงการวินแดม แกรนด์ ในหาน บีซ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวพรีเมียม ที่บริการคอนโดเทลและห้องพักระดับหรูรวม 353 ห้อง
ขณะเดียวกันในปี 2563 ได้มีการซื้อกิจการนาใต้ บีซ รีสอร์ท ในจังหวัดพังงา เพื่อเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทและศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมระดับประเทศโดยกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2569
ถอดบทเรียน “วิกฤตโควิด-19”
“อรรถนพ ” เล่าต่อว่าจากสถานการณ์การแพ่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องการวางแผนให้ดีขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยง โดยเฉพาะการสร้างหนี้ หากมีหนี้เยอะในช่วงเกิดสถานการณ์วิกฤตเหล่านี้ เชื่อว่าเจ้าหนี้ต้องการอยากได้หนี้คืน เพราะกลัวความเสี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้การมีหนี้เยอะ ทำให้เกิดข้อเสียจากการชำระดอกเบี้ย แทนที่จะนำงบประมาณเหล่านั้นมาพัฒนาโครงการอื่นๆ
“ในกรณีที่เรามีเงินทุนมาก เมื่อเกิดวิกฤติหนี้ทำให้เราไม่ต้องกังวลมากนักในการชำระดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ ปัจจุบันเรากำลังมองหาสัดส่วนทุนมากกว่าการลงทุนในรูปแบบหนี้ โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนเงินทุนอยู่ที่ 70% และสัดส่วนเงินกู้อยู่ที่ 30%”
ดันเทรนด์ธุรกิจ รับรายได้โต 10%
ประเมินว่าในระยะถัดไปบริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้พัฒนาต่างจากรายอื่นๆ โดยสิ่งที่เราพัฒนาใหม่ต้องสอดคล้องรับท็อปเทรนด์ของธุรกิจตลอด เวลารวมทั้งการแสวงหาพาร์ทเนอร์มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์และขยายรายได้เพิ่มขึ้น 10% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง
ตลาด “พูลวิลล่า” ปลุกกำลังซื้อต่างชาติ
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มองว่านักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ซื้อหลักยังเป็นชาวรัสเซียถึง 80% เนื่องจากหนีภัยสงครามมาหาซื้อบ้านหลังที่สองในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ระดับราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้า
“ส่วนช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ตลาดภูเก็ตจะค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับช่วงไฮซีซั่น จากเดิมที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมามากขึ้น แต่กลับไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งต้องรอดูช่วง ไฮซีซั่นในปลายปีนี้อีกครั้งหนึ่ง”
ขณะที่การลงทุนของผู้ประกอบการในปี 2566 พบว่า มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นตลาดแมส ระดับราคา 7-30 ล้านบาท โดยกระจายพัฒนารอบเกาะภูเก็ต ในส่วนของดีมานด์นั้น พบว่ามีความต้องการมากขึ้น เพราะซัพพลายพูลวิลล่าในช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงพอกับดีมานด์ ทำให้หลังวิกฤติ โควิด-19 คลี่คลาย
ปัจจุบันตลาดพูลวิลล่ามียอดขายที่ดีมาก โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือโซนลากูน่า แถวหาดบางเทา หาดลายัน โซนถัดมาคือ ราไวย์ และในหาน ส่วนตลาดคอนโดฯมีการพัฒนาน้อยกว่าเดิม เนื่องจากในช่วงวิกฤติโควิด-19 ดีมานด์หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่ามากขึ้น
ปั้น 4 โปรเจ็กต์ รุก Madicle Hub
สำหรับทิศทางการดำเนินการของ ซิซซา กรุ๊ป ในปี 2566 จะมีการเปิดตัวทั้งหมด 4โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1 ปี 2567
2. เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่ โรงแรม “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โดยเฟสแรกใช้งบลงทุนไป 70 กว่าล้านบาท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 500 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ “เพลนารีเวลเนส” (Plenary Wellness) ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม
ส่วนเฟส 2 จะเป็น Men’s Health และ Women Health เป็นการดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทั้งหมดส่วนเฟส 3 กำลังศึกษาข้อมูลว่าจะนำบริการรูปแบบไหนเข้ามาใช้บ้าง คาดว่าทั้งโปรเจกต์ (3 เฟส) จะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาท
“เมดิคอล ถือเป็นโปรดักส์ใหม่ในตลาด เวลเนส รีสอร์ต ที่เป็นการให้บริการเรื่องดูแลสุขภาพในโรงแรม ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ การให้บริการเชิงการแพทย์ ที่มีคลินิกเฉพาะทาง โดยสิ่งที่บริษัทฯทำจะเป็นการนำ 2 รูปแบบมารวมกันเป็น “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” (Medical Wellness Resort) เน้นเวชศาสตร์ป้องกันให้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงตลอด บริษัทถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว และมีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งที่น้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป”
3. พูลวิลล่า บริเวณหาดลายัน โดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า” โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนตุลาคม 2566
4. ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนธันวาคม 2566