เอ็นริชชี้ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังกลุ่มลักซ์ชัวรี่ความต้องการพุ่ง

22 มิ.ย. 2566 | 10:36 น.

เอ็นริชชี้ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังกลุ่มลักซ์ชัวรี่ความต้องการพุ่ง ชี้การพัฒนาโครงการต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในเรื่องของทำเล คุณภาพ งานดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน

นางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัทเอ็นริช เปิดเผยถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ยังพบว่ามีความต้องการซื้อบ้านอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มที่มาแรงในปีนี้ แต่การพัฒนาโครงการต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในเรื่องของทำเล คุณภาพ งานดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจากที่ได้ร่วมทุนกับ บริษัท ไซบุแก๊ส โฮลดิ้ง จำกัด (Saibu Gas Holdings Co.,Ltd.) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากประเทศญี่ปุ่น ที่เลือกลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพทั่วโลก พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาทขึ้นไป สามารถปิดโครงการได้ในเวลาอันรวดเร็วแม้เปิดตัวในช่วงโควิด-19 ก็ตาม 

โดยเป็นผลมาจากการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านตอบโจทย์กับการใช้งานจริง ควบคู่กับการการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมถึงยังผสานแนวคิดการจัดบ้านแบบคอนมาริ ในสไตล์ มาริเอะ คอนโดะ ร่วมกับตัวแทนที่ปรึกษาระดับมาสเตอร์

นางสาวสุพิชา กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทไซบุแก๊ส ในการพัฒนา โครงการ อาร์ค สุขุมวิท 39 (ARCH Sukhumvit 39) บ้านระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่มองหาที่อยู่อาศัยในทำเลซีบีดี  ซึ่งโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีบนถนนสุขุมวิทและปัจจุบันหาที่ดินมาพัฒนาโครงการได้ยากมาก สวนทางกับความต้องการอยู่อาศัยที่มีสูง เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพ มีความสมบูรณ์ของระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นทำเลใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ

สำหรับโครงการดังกล่าวนั้น พัฒนาโครงการโดยการออกแบบเน้นรูปทรง ARCH โดยมีพื้นที่ภายในที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างออกไป รวมถึงยังเหมือนเป็นพื้นที่ที่ถูกโอบล้อม แต่มีความเป็นส่วนตัวไม่ทึบตัน เน้นเพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกชั้น ทำให้ทุกห้องสามารถได้รับแสงธรรมชาติ และมีมุมมองภายในห้องที่ดี ตอบโจทย์การใช้งาน และไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน บนที่ดิน 2 ไร่ จำนวน 12 หลัง พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 535-829 ตร.ม. ขนาด 4-5 ห้องนอน และที่จอดรถ 4-6 คัน และลิฟต์ส่วนตัว ในราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท

เอ็นริชชี้ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังกลุ่มลักซ์ชัวรี่ความต้องการพุ่ง

นายอนวัช ฉัตรศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ กลุ่มบริษัทเอ็นริช กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้โครงการของกลุ่มบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดี เป็นเพราะมีข้อมูลอินไซต์ของกลุ่มลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่ จากการสำรวจตลาด พบว่า กลุ่มลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่จะมีความต้องการใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 

  • ทำเล ต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 
  • ดีไซน์ พื้นที่ใช้สอยต้องมีขนาดที่เหมาะสม และมีความสวยงาม การออกแบบจากดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับ การดีไซน์นั้นยังต้องแสดงความเป็นตัวตนของลูกค้าได้อย่างชัดเจน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูงด้วย 
  • มีความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย เพราะลูกค้าต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อกลับมาที่บ้าน
     

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าสำหรับตลาดบ้านกลุ่มลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปในกรุงเทพฯชั้นในและชั้นนอก พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่ในกลุ่มลักซ์ชัวรีขึ้นไปในช่วงก่อนโควิด-19 (ปี 2560-2562) พบว่ามีการเปิดตัวเฉลี่ย 260 หลังต่อปี ในขณะที่ช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 (ปี 2563-2565) ตลาดบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปกลับเติบโตสวนกระแส โดยมีการเปิดตัวเฉลี่ย 645 หลังต่อปี หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 132% 

เอ็นริชชี้ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังกลุ่มลักซ์ชัวรี่ความต้องการพุ่ง

เมื่อพิจารณาในด้านความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้พบว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการขยายพื้นที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น  ส่งผลให้ยอดขายบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปโดยรวมในตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งสูงถึง 78% 

ขณะที่ยอดขายโดยรวมในปี 2565 อยู่ที่ 68% โดยทำเลที่มียอดขายสูงที่สุด คือ ทำเลใจกลางเมือง มียอดขายสูงถึง 88% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลอื่น ๆ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าซัพพลายตลาดบ้านในทำเลนี้มีน้อยมาก เพราะที่ดินมีจำกัด 
 
อย่างไรก็ตาม ความต้องการบ้านใจกลางเมืองยังเป็นความต้องการที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยผลกระทบจากโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความต้องการในตลาดและส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมาสู่รูปแบบบ้านเพิ่มมากขึ้น