19 พฤษภาคม 2566 - ปัจจัยลบรอบด้าน กระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ไตรมาสแรก (มกราคม - มีนาคม) ภายใต้บรรยากาศ ผู้ประกอบการยังเฝ้าจับตา สถานการณ์เศรษฐกิจ และ กำลังซื้อ ชะลอการเปิดโครงการใหม่ ส่งผล อุปทาน 3 เดือนแรกที่ผ่านมา ลดลงมาก มาอยู่ที่ 15,267 หน่วย ติดลบ 38.7 % อย่างไรก็ดี ได้แรงหนุน จากความต้องการที่ขยายตัว
จากโมเมนตั้มค้างเก่าของปีก่อน ส่งผลมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ บ้านและคอนโดมิเนียม ยังบวกได้ 7.9% และสินเชื่อใหม่ เพิ่มขึ้น 6.4%
ทั้งนี้ สิ่งที่ไม่อาจปฎิเสธได้ คือ การยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV (การให้อัตราสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน) ของ ธปท. ได้กระทบต่อคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นบ้านสัญญาที่ 2 และ 3 อีกทั้ง ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีอัตราส่วนที่ยังสูงถึงเกือบ 90% ของ GDP บวกกับ ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น และความสามารถในการผ่อนชำระลดลง ภาพรวมเกิดผลกระทบต่อยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ ของหลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน
กางผลประกอบการ 10 อสังหาฯไทย (ณ ไตรมาสแรก ปี 2566)
บริษัท : เอพี ไทยแลนด์
บริษัท : แสนสิริ
บริษัท : ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
บริษัท : ศุภาลัย
บริษัท : พฤกษา โฮลดิ้ง
บริษัท : เอสซี แอสเสท
บริษัท : เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้
บริษัท : แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
บริษัท : ควอลิตี้เฮ้าส์
บริษัท : แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเม้นท์
" ล่าสุด ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ออกคาดการณ์ ว่า อุปสงค์ที่อยู่อาศัยในปี 2566 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ จำนวน 352,761 หน่วย ลดลง -10.2% มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 1,016,838 ล้านบาท ลดลง -4.5% เมื่อเทียบกับปี 2565 นั่นหมายถึงทิศทางของรายได้ของเหล่า 10 อสังหาฯข้างต้นด้วย ซึ่งคงต้องลุ้นกันว่า จบปีนี้ ใครจะรุ่ง ใครจะร่วง? "