คอนกรีตสำเร็จรูปเทรนด์ลดโลกร้อน- แรงงานขาด

02 ม.ค. 2566 | 01:06 น.

บทความ คอนกรีตสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัย -โปรเจ็กต์ แห่งอนาคต เทรนด์ลดโลกร้อน -แรงงานขาด-]ลดต้นทุน ความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

คอนกรีตสำเร็จรูป ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระยะเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง สามารถควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ดีกว่า แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

              

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ TOP3 

 

ประเมินว่าการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยถือเป็นส่วนที่สำคัญ ผู้อยู่อาศัยสมัยใหม่ใส่ใจกับการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างบ้านมากขึ้น หนึ่งในวัสดุที่มีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป

              

ในส่วนของการอยู่อาศัยนั้น คอนกรีตสำเร็จรูปสามารถกันการถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ ทนการไฟไหม้ได้ดีกว่าถึง 2 ชั่วโมง ทำให้อยู่สบายในหน้าร้อนและปลอดภัยกว่าเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยจากการลดเสาคานในงานก่อสร้างทำให้มีพื้นที่ในบ้านมากขึ้น ไม่ต้องหลบมุมเสาหรือคาน

             

 

  อย่างไรก็ตาม คอนกรีตสำเร็จรูป  อยู่ในวงการก่อสร้างมายาวนาน ถือเป็นภาคธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้งานในหลากหลายธุรกิจ ทั้งการสร้างที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง สะพาน หรือ ท่อระบายนํ้า ฯลฯ 

 

ไม่กี่ปีมานี้เทรนด์การก่อสร้างด้วยคอนกรีตสำเร็จรูป  ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีผู้ผลิตรายเล็กรายใหญ่เกิดขึ้นมามากมาย ทั้งแบบที่ผลิตเพื่อใช้ในธุรกิจของตัวเอง หรือรับจ้างผลิตให้คนอื่น ซึ่งในการผลิตก็มีทั้งแบบ ใช้คนหล่อคอนกรีต และแบบ ใช้เครื่องจักรหุ่นยนต์

คอนกรีตสำเร็จรูปเทรนด์ลดโลกร้อน- แรงงานขาด

ในมุมของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าทุกบริษัทพยายามรัดเข็มขัด บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี จึงเน้นความรวดเร็ว เพื่อให้มีเวลาทำการตลาดมากขึ้น และรับรู้รายได้เร็ว 

 

วิธีที่จะทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากที่สุด คือ ทำให้ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นคิดโครงการ จนถึงเปิดขายนั้นสั้นที่สุด มีสต็อกให้น้อยที่สุด แต่ก่อสร้างและส่งมอบให้เร็วที่สุด

              

สะท้อนจากวิจัยกรุงศรี การเติบโตของโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย คาดว่าการเปิดโครงการใหม่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% หรือประมาณ 7 หมื่นยูนิต/ปี (2565-2567) โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมือง รองรับความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง 

 

มีปัจจัยสนันสนุนจากการขยายโครงข่ายการคมนาคมของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างชานเมืองสู่ตัวเมืองได้รวดเร็วขึ้น  ส่วนการก่อสร้างคอนโดมิเนียมจะปรับดีขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองและแนวรถไฟฟ้าบางเส้นทาง  ซึ่งส่วนใหญ่จะเอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมารายใหญ่

              

ส่วนในทางการบริหารจัดการในองค์กร และกิจการ บริษัทปักธงที่ Green Construction Tech และ Zero Waste Tech เนื่องจากมองเห็นถึงความสำคัญแรงงานที่ต้องทำงานในสภาวะอากาศที่แนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ CPANEL บริหารจัดการให้ในโรงงานมีระบบสันดาปน้อยที่สุด

 

เมื่อข้างในมีของเสียน้อย ข้างนอกก็สะอาด ลดการสูญเสียและทำลายสิ่งแวดล้อมมากเท่านั้น นอกจากนี้ การสร้างบ้านด้วย Precast ยังช่วยลดปัญหาฝุ่น-มลพิษการงานก่อสร้างด้วย

 

นอกจากนี้ บริษัทคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จึงใส่ใจในการออกแบบระบบการผลิตอย่างรัดกุม โดยทำการติดตั้งระบบเครื่องกำจัดมลภาวะทางอากาศ (Dust Collector) กักเก็บฝุ่น และผงปูนซีเมนต์ในระหว่างขั้นตอนการผลิต

 

ระบบดังกล่าว นอกจากช่วยกักเก็บฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายแล้ว   ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ประมาณ 675 กิโลกรัมต่อเดือน

 

ด้านแวดวงผู้รับเหมา นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีวิลเอนจีเนียริง หรือ CIVIL  ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรชั้นนำของไทย ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักในการพัฒนางานโครงการขนาดใหญ่ และ งานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐของประเทศมากกว่า 1,000 โครงการ

 

อาทิงานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับและทางพิเศษ, งานก่อสร้างท่าอากาศยาน และ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีนฯลฯ  สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพงานก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นหลักการ Economy of Speed สามารถปรับตัวได้รวดเร็ว สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ยึดการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และมีความปลอดภัย 

              

นอกเหนือจากสัดส่วนธุรกิจการให้บริหารงานก่อสร้างที่เป็นงานส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจผลิตและการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเป็นอีกส่วนที่ CIVIL ให้ความสำคัญ เพราะการมีวัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จะสามารถควบคุมระยะเวลาก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินงานให้เสร็จเร็วกว่าแผนถือเป็นจุดเด่นของบริษัท เนื่องจากงานก่อสร้างของบริษัทเป็นโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ระดับประเทศ

 

จึงทำให้บริษัทยกมาตรฐานการก่อสร้างด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตทั้งขนาด และ คุณภาพ ให้ตรงกับสเปกที่มีความเฉพาะของโครงการ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และเป็นโอกาสในการจำหน่ายวัสดุต่างๆ ให้กับผู้รับเหมารายอื่น

 

ที่ต้องการวัสดุเพื่อสร้างมาตรฐานด้านการใช้วัสดุโครงการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีสัมปทานเหมืองหินปูน ทำให้ได้เปรียบทั้งในด้านต้นทุน การขนส่ง และการควบคุมคุณภาพอีกด้วย

              

นี่คือเทรนด์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ได้รับความนิยมในยามแรงงานขาด สิ่งแวดล้อมโลกแปรปวน!!!