'ทองมา' แจง วางมือ 'พฤกษา' ไว้ใจ 'อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ' ต่อยอดธุรกิจเต็มตัว

14 พ.ย. 2565 | 05:11 น.

เจ้าพ่ออสังหาฯ 'ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์' แจ้งข่าว ลาออก จาก CEO พฤกษา โฮลดิ้ง ระบุ เป็นไปตาม Succession Plan หลังเชื่อมืออาชีพ 'อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ' นำพา บมจ.พฤกษา เติบโตยั่งยืน ในยุคดิจิทัล

14 พ.ย.2565 - นับเป็นข่าวที่สร้างความประหลาดใจให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่น้อย หลังจาก 11 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือ แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึง การลาออกของ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และประธานคณะกรรมการบริหาร โดยการลาออก จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป 

 

ซึ่งภายหลังการลาออก นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ จะยังคงมีตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการบริษัท กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน กรรมการกำกับการบริหารความเสี่ยง กรรมการบริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ขณะผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO กลุ่มแทน คือ นาย อุเทน โลหชิตพิทักษ์ 

 

ล่าสุด นายทองมา ชี้แจงว่า สำหรับการลาออกครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Succession Plan ที่ทางบริษัทฯ ได้วางแผนไว้ในการเตรียมความพร้อมและสร้างความยั่งยืนขององค์กรในอนาคต พร้อมระบุว่า “หลังจากที่ได้ดำรงตำแหน่งร่วมกับนายอุเทน ที่ได้บริหารงานพฤกษา โฮลดิ้ง ร่วมกันมาเป็นเวลาราว 10 เดือน ผมไว้วางใจ มีความมั่นใจในคณะทีมบริหารมากขึ้น จึงได้ตัดสินใจมอบหมายให้ นายอุเทนบริหารงานอย่างเต็มตัว เป็นการส่งมอบให้นักบริหารมืออาชีพที่มีความสามารถได้มาต่อยอดดูแลบริหารงานเชิงกลยุทธ์และด้านปฏิบัติการของธุรกิจต่างๆ ในเครือทั้งกลุ่ม 

โดยกำหนดวิสัยทัศน์ไปถีงขยายกิจการ การลงทุนในธุรกิจใหม่ ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรการทำงานในรูปแบบใหม่ที่เปิดกว้างทางความคิด สร้างความหลากหลายในองค์กร มุ่งปรับปรุงและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ อันจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจกลุ่มพฤกษาในยุคดิจิทัลสู่องค์กรชั้นนำที่มอบโซลูชั่นสินค้าและบริการเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด” 

นาย อุเทน โลหชิตพิทักษ์

และในปีนี้ที่ทางพฤกษาได้ริเริ่มโครงการ "Accelerate Impact with PRUKSA" ให้การสนับสนุนบริษัทในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)  ที่ต้องการความช่วยเหลือในการขยายกิจการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทที่เข้าโครงการได้บรรลุเป้าหมายสร้างผลกระทบเชิงบวกในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง