svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

EIC ฟันธง ไม่ต่อ LTV คอนโดฯไม่เกิน3ล้านอ่วม

06 พฤศจิกายน 2565

EIC ฟันธง ไม่ต่อมาตรการ LTV มีข้อดีข้อเสีย โค้งท้ายปี65 ตัวเร่ง ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ปี 66 ตลาดชะลอตัวคอนโดไม่เกิน3ล้าน อ่วม

การประกาศไม่ต่ออายุมาตรการ ผ่อนคลาย อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาที่อยู่อาศัย (Loan-to-value ratio : LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังเปิดโอกาสให้คนซื้อบ้าน กู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยได้เต็ม100% ในทุกสัญญา เป็นเวลา1ปี (สิ้นสุดวันที่31 ธันวาคม2565 ) 

 

โดยให้เหตุผล ว่า เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ การปล่อยสินเชื่อและการซื้อที่อยู่อาศัย กลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด19 ขณะนักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผู้ประกอบการ ประเมินว่า

 

 ตลาดที่อยู่อาศัย  ช่วงโค้งท้ายปี2565 หรือก่อน มาตรการผ่อนคลาย LTVสิ้นสุดลงจะมีการติดต่อยื่นขอสินเชื่อกันอย่างคึกคัก ทั้งกลุ่มลงทุนและกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ขณะปีหน้าอาจ จะเข้าสู่ภาวะชะลอการตัดสินใจเพราะมองว่าไม่คุ้มทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงลงทุนที่เป็นตัวช่วยระบายสต็อกที่ดีโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน3ล้านบาทซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 

EIC ฟันธง ไม่ต่อ LTV  คอนโดฯไม่เกิน3ล้านอ่วม

 

 

สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ  Economic Intelligence Center (EIC)   มอง ว่า การไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย  LTV จะส่งผลต่อตลาดที่อยู่อาศัยอย่างจำกัด โดยเฉพาะในส่วนของนักลงทุน และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่ม ความต้องการที่แท้จริง( เรียลดีมานด์ )  ในสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 หรือ 3 เป็นต้นไป

 

โดยผลกระทบมีดังนี้ 1) เกิดการเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565และ 2) เกิดการชะลอซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2566 ทั้งนี้ การไม่ต่ออายุมาตรการจะไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่ม เรียลดีมานด์ ในสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาแรก เนื่องจากผู้ซื้อที่อยู่อาศัยยังสามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยสัญญาแรกได้เต็มจำนวน 100%เช่นเดิม

 

อย่างไรก็ตามการไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV จะส่งผลให้นักลงทุน และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่ม เรีบลดีมานด์ ในสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 หรือ 3 เป็นต้นไป เร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 โดยเป็นจังหวะให้ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมขาย

 

สามารถทำการตลาดกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อระบายสต๊อก ก่อนที่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะต้องวางเงินดาวน์ถึง 10-30% ของราคาที่อยู่อาศัยในปี 2566 ซึ่งน่าจะกระตุ้นยอดขาย และการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปี 2565 ให้เพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย โดยเฉพาะจากนักลงทุน เมื่อเทียบกับก่อนการประกาศไม่ต่ออายุมาตรการ
 

ขณะปีหน้า (ปี2566)  นักลงทุน และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่ม เรียลดีมานด์ ในสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 หรือ 3 เป็นต้นไป อาจชะลอซื้อที่อยู่อาศัย จากการมีภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในการวางเงินดาวน์ถึง 10-30% ของราคาที่อยู่อาศัย

 

EIC มองว่า คอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำ-ปานกลาง ไม่เกิน 5 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการไม่ต่ออายุมาตรการ เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ ที่มักได้รับความนิยมในการซื้อเพื่อลงทุน ทั้งการปล่อยเช่า และเก็งกำไรมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

 

โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่ามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มากนัก และมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากผู้เช่ามากขึ้นด้วยอัตราค่าเช่าที่ไม่สูงจนเกินไป ในทำเลที่เป็นแหล่งงาน และสถานศึกษาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมต่อทั้งผู้ลงทุนและผู้เช่า ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อกำลังอยู่ในระยะเริ่มฟื้นตัว
 

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 จำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ทั้งหมด โดยผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มระดับราคาต่ำ-ปานกลางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนมาก

 

รวมถึงผู้ประกอบการยังมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มระดับราคาต่ำ-ปานกลางอีกมากในปี 2566 ดังนั้น การไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV อาจกดดันให้หน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นได้ในระยะข้างหน้า จากกลุ่มกำลังซื้อที่ยังมีความเปราะบางอาจชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป