โค้งสุดท้าย 'อสังหา' ระบายสต็อก โอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด

21 ต.ค. 2565 | 02:15 น.

กานดา ส่องทิศอสังหาฯ โค้งสุดท้ายปลายปี แข่งดุโปรโมชั่น ลดราคาโครงการที่อยู่อาศัย ระบายสต็อก ชี้เป็นโอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด รับอานิสงส์มาตรการลดค่าโอน ดอกเบี้ยต่ำ ขณะบริษัทพร้อมเปิดใหม่ 3 โครงการ แบรนด์ 'ไอลิฟ'ชิงกำลังซื้อ หวังเปิดยอดขาย 3.3 พันล้านบาท

21 ต.ค.2565 - นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันสูง แต่ละบริษัทยังคงจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ระบายสต็อกที่มีในมือของแต่ละบริษัทให้ได้มากที่สุด

 

เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเรื่องของเศรษฐกิจในปี 2566 โดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งกำลังซื้อและต้นทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงเรื่องของเงินอัตราเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น เรื่องของความไม่แน่นอนของการเมืองไทย และความขัดแย้งในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่ชะลอการตัดสินใจตั้งแต่ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ทำให้คนทำงานในภาคบริการโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทยอยกลับมามีงานทำ และเริ่มมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย 

โค้งสุดท้าย 'อสังหา' ระบายสต็อก  โอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด
 

ปัจจัยสนับสนุนการซื้อบ้าน-คอนโด

  • มาตรการส่งเสริมการซื้อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลที่ช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ จาก 2% เหลือ 0.01% และการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับผู้ซื้อที่ทำการโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปี 2565 นี้
  • การแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจะเร่งการขายและระบายสต๊อกในช่วงปลายปี เอื้อประโยชน์ให้ผู้ซื้อมีโอกาสซื้อที่อยู่อาศัยในราคาและโปรโมชั่นที่ดีที่สุดก่อนการปรับขึ้นราคาจากต้นทุนที่ดินและวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
  • ดอกเบี้ยที่ภาครัฐยังคงพยายามตรึงไว้ โดยมีผลให้ธนาคารของรัฐและธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จนถึงสินปี 2565 เมื่อเทียบกับต่างประเทศดอกเบี้ยนโยบายของไทยถือว่ามีการปรับขึ้นน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันก็ยังถือว่าเป็นจุดที่ดอกเบี้ยต่ำอยู่สำหรับผู้บริโภค แม้จะมีการทยอยปรับขึ้นมาที่ 1% แล้วก็ตาม

 

กานดา เปิดโครงการใหม่ 

นายหัสกร กล่าวอีกว่า สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ ภายในพฤศจิกายนนี้เป็นโครงการทาวน์โฮมทั้งหมด มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วย

  1. ไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 จำนวน 157 ยูนิต มูลค่า 500 ล้านบาท
  2. ไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 จำนวน 255 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท
  3. ไอลีฟ พราวด์ พระราม 2 กม. 14 จำนวน 449 ยูนิต มูลค่า 1,100 ล้านบาท

โค้งสุดท้าย 'อสังหา' ระบายสต็อก  โอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด

สำหรับโครงการที่จะเปิดตัวล่าสุด คือ ไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 ถือเป็นโครงการ highlight ของไตรมาสสุดท้าย โดยเป็นทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ด้วยแบบบ้านสไตล์ English Garden มีขนาดที่ดิน 25 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย165 ตารางเมตร เทียบเท่าบ้านเดี่ยว  มี 4 ห้องนอน และมีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง และออกแบบให้มีห้องนอนชั้นล่างรองรับผู้สูงอายุ  นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีสวนหลังบ้าน ทำให้รู้สึกสดชื่น สบายตา  อากาศปลอดโปร่ง ถ่ายเทสะดวก ภายในโครงการมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สนามสำหรับออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น โครงการตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าคูคต ไม่เกิน 10 นาที ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.59 ล้านบาท 

โค้งสุดท้าย 'อสังหา' ระบายสต็อก  โอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่เปิดขายในอีกหลายทำเลทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ กว่า 10 โครงการ ได้แก่ โครงการไอลีฟ ไพร์ม พระราม2 กม.14, ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14, ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90, ไอลีฟ พรีม่า เศรษฐกิจ-บางปลา , ไอลีฟ ทาวน์ ราชพฤกษ์-กาญจนาฯ , ไอลีฟ ไพร์ม วงแหวน-รังสิตคลอง 4 , กานดา เพลส วงแหวน-ลำลูกกาคลอง 6, ไอลีฟ พรีม่า เทพารักษ์-บางบ่อ, ไอลีฟ ไพร์ม2 (ถลาง), ไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน เป็นต้น

โค้งสุดท้าย 'อสังหา' ระบายสต็อก  โอกาสทอง ซื้อบ้าน-คอนโด

ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนของปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทประกาศเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Kanda Change ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มทำเลในการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขายจำนวน 2,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้ายอดขาย 9 เดือนที่ตั้งไว้ 2,180 ล้านบาทเล็กน้อย ขณะที่เป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 3,300 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

 

ขณะที่รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณ 1,350 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1,650 ล้านบาท ประมาณ 18% สาเหตุสำคัญเกิดจากก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผนงาน เนื่องจากปัญหาฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ที่บริษัทเปิดขายโครงการใหม่ และการปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ไป 2 โครงการ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและฟังก์ชั่นของบ้านให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยคาดว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2565 ซึ่งตั้งเป้าไว้ประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้จริงประมาณ 2,000-2,100 ล้านบาท