เปิดประเทศ อุ้ม 'โรงแรมหรู' กทม.ฟื้นชีพ 13%

03 ส.ค. 2565 | 04:47 น.

ไนท์แฟรงค์ เผย นโยบายเปิดประเทศไทย รับ ชาวต่างชาติ จุดเปลี่ยน โรงแรมระดับลักชัวรี ในกทม. พบ 6 เดือนแรก อัตราเข้าพักฟื้น 16% ขณะราคาห้องพักปรับตัวดีขึ้น 11%

3 สิงหาคม 2565 - มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทั่วโลกเริ่มมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมเพียง 160,000 คน เป็นประมาณ 2.2 ล้านคน เมื่อเทียบปีต่อปี และยังส่งผลให้ความต้องการที่พักโรงแรมเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก 2565

 

ทั้งนี้ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีอย่างมาก และอาจถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาคิดเป็นเพียง 12% ของจำนวนทั้งหมดในช่วงก่อนโควิด-19 สำหรับปี 2563 และ 2564 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่แทบไม่มี เว้นแต่ผู้ที่เดินทางกลับไทยและนักท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องเดินทางเท่านั้น
 

เปิดประเทศ อุ้ม \'โรงแรมหรู\' กทม.ฟื้นชีพ 13%

ในเดือนมีนาคม 2565 รัฐบาลไทยได้ประกาศแผนดำเนินการ 4 ระยะ เพื่อเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม โดยอนุญาตให้สถานบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยวยกเลิกการปฏิบัติตามข้อจำกัดต่างๆ สำหรับขั้นตอนถัดไป คาดว่ารัฐบาลไทยจะประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ทันทีที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันคงที่ รวมไปถึงอัตราการได้รับวัคซีนอยู่ในระดับสูง และอาการของโรคไม่รุนแรง 

 

นักท่องเที่ยวจากจีนคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจโรงแรมจึงกังวลว่าจะไม่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นไปตามข้อจำกัดที่รัฐบาลจีนกำหนด ขณะที่โควิดสายพันธุ์โอมิครอนกำลังระบาดในหลายๆ ภูมิภาคในประเทศจีน 

ในช่วงครึ่งแรกปี 2565 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากฝั่งเอเชียตะวันออก คิดเป็น 39% โดยมาจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปคิดเป็น 30% โดยมาจากสหราชอาณาจักร  เยอรมัน ฝรั่งเศส และรัสเซีย ส่วนชาวอินเดียคิดเป็น 11% 

เปิดประเทศ อุ้ม \'โรงแรมหรู\' กทม.ฟื้นชีพ 13%

อุปทานและอุปสงค์  

ผลดำเนินงานของโรงแรมระดับลักซัวรี่ในกรุงเทพฯ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรก 2565 โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 33% เพิ่มขึ้นมา 13 % ปีต่อปี โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศที่ผ่อนคลายลง อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากระดับต่ำสุดที่ 26% ในเดือนมกราคม 2565 เพิ่มขึ้นไปมากกว่า 40% ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ผลกระทบของช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (low season) ในเดือนท้ายๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี ถูกชดเชยมาตราการต่างๆที่ผ่อนคลายลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา โดยจะยกเลิกการตรวจ PCR  การกักตัวก่อนการเดินทาง ตลอดจนการลดความคุ้มครองการประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราที่พักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ก็เพิ่มขึ้นมา 11% ปีต่อปี อยู่ที่ 3,410 บาท เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าถึงจุดกลับตัวของตลาดแล้ว 

 

จำนวนอุปทานทั้งหมดของโรงแรมระดับลักซัวรี่หรูเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 20,709 ห้อง โดยมีอุปทานเพิ่มเข้ามาใหม่ 154 ห้องในครึ่งปีแรก 2565 โรงแรมที่เปิดใหม่ได้แก่ the Standard hotel by Sansiri in Mahanakhon building 154 ห้อง สำหรับโรงแรมระดับลักซัวรี่ และ Eastin Grand hotel Phayathai 394 ห้อง The Quart Ruamrudee 150 ห้อง และ X2 Vibe Bangkok Udomsuk 150 ห้อง สำหรับโรงแรมระดับอัพสเกล อุปทานส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณช่วงสุขุมวิทตอนต้น 34% รองลงมา คือ เขตลุมพินี 24% เขตริมแม่น้ำ 17% และเขตสีลม/สาทร 15% 

เปิดประเทศ อุ้ม \'โรงแรมหรู\' กทม.ฟื้นชีพ 13%

แนวโน้ม   

ประเทศไทยเริ่มกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้อกำหนดด้านการเดินทางที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การกักตัว การประกันภัย และการตรวจ PCR 

 

ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 แม้ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น แต่ก็มีสัดส่วนเพียง 12% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ในช่วงเริ่มต้นของแผนระยะ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของการเปิดประเทศอีกครั้ง ที่เรียกว่า 'หลังเกิดโรคระบาด' โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศอย่างไร้ข้อจำกัด ไม่คำนึงถึงสถานะการฉีดวัคซีนของนักท่องเที่ยว 

 

รวมถึงยกเลิกมาตราการการควบคุมเขตชายแดนอย่างเข้มงวดที่มีผลบังคับมากว่าสองปี ด้วยเหตุนี้ เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโรงแรม ด้วยจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของค่าเฉลี่ยรายได้ต่อห้อง (RevPar) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราที่พักเฉลี่ยต่อวันสูงขึ้น แม้อัตราการเข้าพักจะยังน้อยอยู่ก็ตาม 

เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทางของประเทศจีน ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ในประเทศ ดังนั้นภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศจะยังคงมีบทบาทสำคัญในช่วงนี้ 

 

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี  และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2565 ส่งผลให้เริ่มมีการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาจเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น เช่น โควิดสายพันธุ์ใหม่หรือการระบาดของโรคอื่นๆ หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่อาจกระทบด้านราคาตั๋วเครื่องบิน และแรงกดดันจากการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ 

 

การฟื้นตัวในระยะสั้นคาดว่าจะนำโดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อการพักผ่อน ตามมาด้วยกลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มไมซ์ (MICE) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรีสอร์ทที่มีแขกเพิ่มขึ้นมากกว่าโรงแรมที่เน้นลูกค้านักธุรกิจ