ทายาท เค.อี ผุด ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ สากล

26 มี.ค. 2565 | 03:00 น.

คอลัมน์ : ผ่ามุมคิด 'กฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ' ทายาท เค.อี กรุ๊ป ผุดแพลตฟอร์มลงทุน ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ ระดับสากล

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เป้าหมายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ของนักลงทุนไทยและต่างประเทศ เปลี่ยนไปสู่การกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ขณะตลาดหุ้น, ตราสารหนี้, กองทุน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้เป็นการลงทุนยอดนิยมของนักลงทุนไทย แต่อาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่จะสามารถสร้างกำไร ผลตอบแทนได้ อีกทั้งปัจจัยกระทบ เช่น สงคราม การเมือง และภัยพิบัติ สะท้อนความเสี่ยง และความผันผวนสูงได้อย่างฉับพลัน 

เจาะระดับโกบอล พบปัจจุบัน นักลงทุนกำลังให้ความสนใจต่อการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด หรือที่เรียกว่า Private Equity ซึ่งมีความเหวี่ยงของมูลค่าต่ำ การถือครองระยะยาว ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงนับ 10 - 20%  อย่างไรก็ตาม การลงทุนลักษณะนี้ในประเทศไทยยังมีสัดส่วนน้อยมาก เพราะตัวกลาง หรือ ช่องทางที่สนับสนุนแคบและมีข้อจำกัด

 

ล่าสุดมีกระแสฮือฮาไม่น้อย ต่อการเปิดตัว “ALLY GLOBAL” แพลตฟอร์มการลงทุนใหม่ ที่ถูกปลุกปั้นจากประสบการณ์การลงทุนโดยตรง กับยักษ์ในต่างประเทศ ของนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ‘นายกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์’ ซึ่งมีพอร์ตสินทรัพย์โอกาส ในมือกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3.5หมื่นล้านบาท) โดยเป้าหมายใหญ่ คือ การพลิกตัวเอง เป็นเครื่องมือให้นักลงทุนสู่ระดับโลก ผ่านการวางกลยุทธ์สินทรัพย์เติบโตสูงสุด 5 พันล้านเหรียญฯ ในระยะ 5 ปี นับจากนี้ 
 

ALLY GLOBAL แพลตฟอร์มลงทุนครั้งแรกของไทย

สำหรับ นายกฤษฎิ์ เป็นทายาทคนเล็ก ของยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ไทย กลุ่ม ศูนย์การค้า เดอะ คริสตัล และอาณาจักร ที่ดินย่านเลียบด่วนรามอินทรา กลุ่ม เค.อี.กรุ๊ป จบการศึกษา ระดับปริญญาโท สาขาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เป็นผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุนไพรเวท อิคิตี้ (Private Equity) ชื่อ ALLY GLOBAL MANAGEMENT ก่อตั้งเมื่อ 3 ปีก่อนหน้า 

ทายาท เค.อี ผุด  ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ สากล

มีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส, สิงคโปร์ และเปิดล่าสุด กรุงเทพฯ เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจทั่วโลก ที่จะสร้างผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สิน และกระแสเงินสุดรองรับ ได้แก่ 1.อสังหาริมทรัพย์ 2.สื่อและความบันเทิง 3.ธุรกิจโรงแรมและบริการ 4.ธุรกิจเทรนด์อนาคต เช่น พลังงานสะอาด มูลค่าพอร์ตลงทุนถือครองปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญ เจาะแค่อสังหาฯ กว่า 40 โครงการทั้งในอเมริกา เอเชีย และยุโรป เช่น โครงการคอนโดมิเนียม บนทำเลใจกลางเมือง ไมอามี่ ฟลอริดา หรูและดีที่สุด, โรงแรมใจกลางเบเวอรี่ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย และ ออฟฟิศบนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เป็นต้น ขณะในประเทศไทย ลงทุนผ่าน ALLY REIT ราว 13,000 ล้านบาท

ทายาท เค.อี ผุด  ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ สากล

“แนวคิดเริ่มมาจากการที่ดูการลงทุนของครอบครัวใน Private Investment globally แล้วเห็นว่า ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศ ไม่ได้มีโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด คนที่มีโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่ Local Operator ในแต่ละเมือง ซึ่งเรามีคอนเนคชั่น และเคยร่วมลงทุนด้วยกันมานาน”

 

สงครามยูเครนกระทุ้งนักลงทุน 

เจาะมุมมองผู้บริหารหนุ่ม ต่อการปลุกปั้นแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่ครั้งแรกในไทย นายกฤษฎิ์ ระบุว่า ปัจจุบัน นักลงทุนไทยมีข้อจำกัดในการลงทุน จากการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น การลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ต้องผ่านตัวกลางมากมาย ค่าใช้จ่ายสูง แพลตฟอร์มนี้ ถือครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้กับนักลงทุน ได้ร่วมกับเจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ลักษณะจัดสรรสัดส่วนในกองทุนระดับโลก ไม่ต่ำกว่า 25-40% โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงเช่นในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ครอบคลุม สถาบันการเงิน และกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ที่มีสินทรัพย์สูง 30 ล้านบาทขึ้นไป  (High Net Worth) โดยการันตรีผลตอบแทนจากการลงทุน 10-20% 

ทายาท เค.อี ผุด  ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ สากล

นายกฤษฎิ์ ยังเผยว่า จากวิกฤติการเมืองของโลก สงครามรัสเซีย ยูเครน ทำให้เห็นนักลงทุน เริ่มนำเงินออกมาลงทุนใน Private Equity มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจาก อสังหาฯถูกมองว่ามีค่า และมูลค่าจะสูงขึ้น การลงทุนถือเป็นการสร้างผลกำไรในอนาคต เทียบในต่างประเทศ ทั้งที่ดินและโครงการถูกกว่าไทยนับ 3 เท่าตัว แต่ครั้งเมื่อขายต่อกลับสร้างกำไรถึง 20% 

 

“การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดระยะยาว ปัจจัยกระทบน้อยมาก เช่น สงคราม ทำให้หุ้นตก แต่กลุ่มนี้ มีเงินไหลเข้าคึกคัก เพราะอสังหาฯกลายเป็นสิ่งมีค่า ขณะระยะการลงทุน จาก 10 ปี 15 ปี ปัจจุบัน 7 ปี ก็สามารถเทขายเปลี่ยนมือทำกำไรได้บ่อยขึ้น นั่นคือ ผลตอบแทนที่นักลงทุนระดับโลกนิยม”

 

ปั้นพอร์ตสินทรัพย์ติดTOPเอเชีย

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านเหรียญในระยะเวลา 5 ปี ใน 4 กลุ่มข้างต้น โดยมูลค่าการลงทุนปี 2565 จะอยู่ที่ 530 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ และโรงแรม-บริการ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์ต้นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไต่สู่ระดับ TOP ของโลก สร้างโอกาสคู่ขนาน 2 ขา ทั้งการสร้างโอกาสให้นักลงทุนสถาบัน หรือรายย่อยที่สนใจ ไปสู่ตลาดการลงทุนที่ใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันจะสร้างมูลค่าหมุนเวียนให้กับอสังหาฯในมืออีกด้วย 

ทายาท เค.อี ผุด  ALLY GLOBAL ดึงทุนไทย สู่อสังหาฯ สากล

“เราเห็นโอกาสการลงทุนในภาคอสังหาฯอย่างมาก จากโควิด ทำให้เกิดเทรนด์ Workation ทั่วโลก โรงแรมกลายเป็นที่พักผ่อนและทำงาน ขณะ 4 กลุ่มการลงทุน ครอบคลุมและเกื้อหนุนโอกาสต่อกัน จะเป็นจุดแข็งของ ALLY GLOBAL ที่จะดึงดูดนักลงทุน”