"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

02 พ.ย. 2564 | 08:08 น.

ทายาทรุ่น 2 ประกาศรีแบรนด์ อสังหาฯระดับตำนาน 50 ปี คืนชีพ "บ้านอยู่เจริญ" จากผู้บุกเบิก โครงการทาวน์เฮ้าส์เจ้าแรกของไทย สู่ โครงการระดับไฮเอนด์ จับตา กลยุทธ์ เครือข่ายแลนด์ลอร์ด ยุคบรรพบุรุษทั่วไทย ปั้นพอร์ตเข้าสู่ ตลาดหลักทรัพย์ ท้าชนอสังหาฯ ยุคโควิด

ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ทายาทรุ่น 2 ประกาศรีแบรนด์ อสังหาฯระดับตำนาน 50 ปี คืนชีพ "บ้านอยู่เจริญ" จากผู้บุกเบิก โครงการทาวน์เฮ้าส์เจ้าแรกของไทย สู่ โครงการระดับไฮเอนด์ จับตากลยุทธ์ เครือข่ายแลนด์ลอร์ด ยุคบรรพบุรุษทั่วไทย ปั้นพอร์ตเข้าสู่ ตลาดหลักทรัพย์ ท้าชนอสังหาฯ ยุคโควิด ขณะในมือเอง มีที่ดิน รอพัฒนา มากกว่าพันไร่ ครอบคลุมย่านสำคัญ สุขุมวิท พุทธมณฑล รามอินทรา ดอนเมือง ปทุมธานี ยัน สมุทรปราการ ระบุ ประสบการณ์สั่งสม มาตรฐานและคุณภาพ คือ จุดแข็ง ท้าชนอสังหาฯยุคใหม่ 

 

"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

2 พ.ย.2564 - ย้อนไปยุค 40-50 ปีก่อน ไม่มีใครไม่รู้จัก ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าดังระดับตำนาน ภายใต้แบรนด์ "บ้านอยู่เจริญ" ซึ่งบุกเบิกและก่อตั้งโดย นาย อุดม รุ่งโรจน์ธนกุล  โดย “อยู่เจริญ” จดทะเบียนก่อตั้ง เป็นบริษัทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518  เริ่มต้น การพัฒนาพื้นที่ให้เช่าซื้อ หรือ “เซ้ง” และเป็นผู้บุกเบิกแนวความการเช่าซื้ออาคารพาณิชย์ ระยะเวลา 30 ปี  ที่สำคัญ นับเป็นอสังหาฯ รายแรก ที่พัฒนาอาคารที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ที่เรียกว่า “ทาวน์เฮ้าส์” โดยที่มีที่จอดรถหน้าบ้านเป็นรายแรกของไทย  

 

ความแปลกใหม่ ฉีกแนวการพัฒนาที่อยู่อาศัยในยุคนั้น โด่งดังจนถึงขั้น นาย ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ในครานั้น มาเยี่ยมชมโครงการ  โดยเมื่อนายอุดม ขยายไปบุกเบิกก่อสร้างโครงการที่ไหน ก็จะใช้ชื่อว่า อยู่เจริญ แต่ต่อท้ายด้วยชื่อของทำเลที่ตั้งนั้นๆ เช่น อยู่เจริญ โชคชัย 4 ,อยู่เจริญ ห้วยขวาง /รัชดา , อยู่เจริญ ดอนเมือง เป็นต้น 

 

สำหรับ อยู่เจริญ ในแง่คุณูปการต่อชาติบ้านเมือง พบมีส่วนสำคัญ ในการก่อตั้งสถานเอกอัครทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน บนถนนรัชดาภิเษกอีกด้วย 

เกือบ 2 ทศวรรษ แห่งความสำเร็จ นายอุดม เข้าพลิกหน้าดิน พัฒนาพื้นที่ย่านสำคัญ อย่าง ลาดพร้าว 101 , รามอินทรา , ดินแดง และอีกหลายทำเลทั่วกรุงเทพฯ ด้วยสโลแกน " ยิ่งอยู่ ยิ่งเจริญ" มีโครงการสำเร็จมากมาย สร้างชื่อ "บ้านอยู่เจริญ" ให้คุ้นหูจนถึงปัจจุบัน แม้ภายหลัง ช่วงปี 2554 ทายาทรุ่นที่ 2 นาย ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล จะแตกไลน์ เพื่อปั้นแบรนด์ใหม่ ผ่านกลุ่มบริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด เพื่อเจาะตลาดระดับพรีเมียม ผ่านโครงการนำร่อง อย่าง บ้านพันนา 3-4 โครงการ ยูนิตละ 60 ล้านบาท และประสบความสำเร็จ

 

แต่วันนี้ ทายาทรุ่นที่ 2 ประกาศ ว่า พร้อม นำ DNA ความเป็น “อยู่เจริญ”กลับมาอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “อยู่เจริญ เอสเตทส” กับภารกิจ สานฝันรุ่นพ่อ นำแบรนด์เข้าตลาดหลักทรัพย์ ผ่านจุดแข็ง ที่ดิน หรือ แลนด์แบงค์ ที่มีเครือข่าย จากเครือญาติ พร้อมให้นำมาปลุกปั้นเป็นโครงการทั่วไทย ขณะทำเลสำคัญ อย่างที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลักพันไร่ จะถูกนำมาพัฒนาตั้งแต่โครงการที่อยู่อาศัย ไปสู่ โครงการ Commercial Community หรือ Health Care Center อีกด้วย 

 

รุกสมรภูมิอสังหาฯอีกครั้ง 

นาย ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ฐานะ ผู้นำการบริหาร “อยู่เจริญ เอสเตทส” เปิดเผยว่า วันนี้ พบมีลูกค้ากลุ่มหนึ่ง รุ่นใหญ่ มีความทรงจำกับ แบรนด์อยู่เจริญ และเรียกร้องให้เรากลับมา หลังจาก ไปชิมรางตลาดบ้านหรูมาพอสมควร ทั้งนี้ ขณะนี้ มองเป็นโอกาสที่เหมาะสม ที่จะกลับมาให้เกียรติ และใช้แบรนด์ดังเดิม อยู่เจริญ มาสร้างตำนานใหม่ อีกครั้ง

"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์รุ่นพ่อ คือ การพัฒนาพื้นที่ - ชุมชน ให้เกิดความเจริญ ผ่านการเข้าไปพลิกหน้าดินในทำเลต่างๆ จัดสรรเป็นโครงการหมู่บ้าน ตนเองก็มองไม่ต่างกัน โดยตั้งใจ จะสร้างคอมมูนิตี้ หรือ สังคมคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน โดยจุดแข็งนั้น มองโครงการที่อยู่อาศัย  ปัจจัยสำคัญสูงสุด  คือ โลเคชั่น หรือ ที่ตั้ง ซึ่งบริษัทมีเชื่อมั่นในด้านโลเคชั่นอย่างมาก รองมาคือ ฟังก์ชั่นบ้าน ดีไซน์ ราคา และ คุณภาพ ขณะประสบการณ์ของกลุ่มที่สั่งสมยาวนานมากกว่า 40 ปี  เชื่อ จะสร้างบ้านดี มีคุณภาพ และ เชื่อถือได้ ระบุ  อยู่เจริญ ไม่ได้เป็นแบรนด์ใหม่ซะทีเดียว แต่เป็นการเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ 

 

" จากการศึกษาตัวเลข Feasibility Study  พบว่า สัดส่วนต้นทุนการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะไม่ต่างจากอดีตมากนัก แต่การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีค่อนข้างสูง ซึ่ง อยู่เจริญ เอสเตทส จะมุ่งเน้นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อ และอาศัยการพัฒนาแบบเพิ่มมูลค่าให้เหมาะสม โดยเท่าที่ทดสอบตลาดจากโครงการของกลุ่มพันนาลิฟวิ่ง บริษัทประสบความสำเร็จมากและกลุ่มลูกค้าเดิมยังนึกถึงแบรนด์  “อยู่เจริญ” จึงตัดสินใจผนึกกำลังกันและเปิดกลยุทธ์รีแบรนด์ใหม่ " 


อยู่เจริญนำร่อง 3 โครงการ

สำหรับการกลับมาฟื้นแบรนด์อยู่เจริญนั้น เบื้องต้น ปีนี้นำร่องก่อน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุน 2,000 ล้านบาท เจาะตลาดระดับกลาง-บน กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อในช่วงวัยที่เริ่มมีชีวิตครอบครัวที่ดี เพื่อเป็นมาสเตอร์พีซ กระตุ้นการสร้างแบรนด์  อยู่เจริญ เอสเตทส ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก โดยบริษัทตั้งเป้านำที่ดินในทำเลต่าง ๆ มาพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม  (เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์)  ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าหลายสาย เช่น โครงการรถไฟฟ้าสีส้ม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา(วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังเร่งฟื้นโครงการ

 

ขณะเดียวกัน เป็นย่านเชิงพาณิชย์ระดับพรีเมี่ยม แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ระดับไฮเอนด์ โครงการมิกซ์ยูสในอนาคตอีกหลายแห่ง ซึ่งสร้างแรงดึงดูดกลุ่มเป้าหมายระดับบน ทั้งในแง่การอยู่อาศัยและในแง่การลงทุนสูงมาก 

"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

ประกอบไปด้วย 1. “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น  จำนวน 14 ยูนิต โครงการตั้งอยู่บนถนนศรีวรา ย่านเอกมัย-รามอินทรา   2. “อยู่เจริญ เรสซิเด้นท์ ทาวน์ อิน ทาวน์” คอนโดมิเนียม ย่านทาวน์อินทาวน์ ติดถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา จำนวน 208 ยูนิต และ 3. “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” โฮมออฟฟิศสุดหรู ทั้งแบบบ้านแฝดและทาวน์โฮม  โครงการตั้งอยู่ในซอยนาคนิวาส 6 ด้านหลัง Central Festival Eastville 

 

" โปรดักส์ของบริษัท จะครอบคลุมหลากหลาย มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดฯ ในทำเลศักยภาพ ขณะการลงทุนนั้น เบื้องต้น จะเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่เร่งรัดที่การลงทุน " 

 

ทั้งนี้ วางเป้าหมายรายได้ในปี 2564  คาดการณ์จะเติบโตกว่า 20% และยอดขายพรีเซลไม่ต่ำกว่า 820 ล้านบาท จาก 2 โครงการแรกที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ 

"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

ปีหน้าบุกใหญ่ ดึงแลนด์ลอร์ดร่วมทุน

สำหรับปีหน้า ปี 2565 บริษัทยังเตรียมแผนพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ในแนวเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ไม่ต่ำกว่า 3 โครงการ งบลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท  โดยขณะนี้มีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นแลนลอร์ด เพื่อเจรจาร่วมทุนกันราว 3-4 ราย รวมถึงการพิจารณาซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคตเพิ่มเติมด้วย  ขณะแลนด์แบงก์ (ที่ดิน) ที่กลุ่มบริษัทถือครองอยู่ ปัจจุบันมีมากกว่า 1 พันไร่ ทั่วกรุงเทพฯ เช่น ในทำเล รัชดา รามอินทรา ดินแดง ห้วยขวาง พุทธมนฑล ลาดพร้าว ประเวศ สายไหม สุขุมวิท บางนา สมุทรปราการ ปทุมธานี และ ดอนเมือง นั้น เบื้องต้น จะหยิบนำที่ดินบริเวณรามอินทรา ที่มีอยู่ 200 ไร่ มาพัฒนาเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ รวมถึง ย่านพุทธมณฑล สาย 2 และ สุขุทวิท 49  มาพัฒนาก่อน 

 

ทั้งนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อม แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โอกาสพร้อม จังหวะพร้อม บริษัทจะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ขึ้น หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น โครงการ Commercial Community หรือ Health Care Center รวมถึงขยายการลงทุนในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย

 

จุดแข็งที่ดินและทำเล

นายชนฐนพค์ ยังกล่าวว่า บริษัท ยังได้รับความไว้วางใจ จากบรรดาเครือญาติ และผู้ใหญ่ที่มีสานสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ นำเสนอที่ดินอีกจำนวนหลายแปลงทั่วประเทศ เพื่อให้นำมาพัฒนาโครงการ หลังมีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ด้านอสังหาฯ โดยได้มีการเจรจา ศึกษารายละเอียดศักยภาพของที่ดินอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางภาคใต้ อีสาน จึงเป็นอีกจุดแข็งของอยู่เจริญในยุคหน้า 

"บ้านอยู่เจริญ" คัมแบ็ค ฟื้นชีพอสังหาฯ ระดับตำนาน 50 ปี

สานฝันรุ่นพ่อนำบริษัทเข้าสู่ ตลท.

ทั้งนี้ ในอนาคต เมื่อทุกอย่างบรรลุเป้าหมาย บริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดไว้ไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงผลักดันของคุณพ่อ ที่ก่อนจากไป เคยมีเป้าหมาย อยากนำแบรนด์เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โดยเบื้องต้น หากในระยะ 5 ปี ธุรกิจและเป้าหมายการเติบโตสำเร็จเป็นไปตามแผน ก็จะมีโอกาสจะได้เห็น อยู่เจริญ เติบโตไปอีกขั้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่  ส่วนจุดสำเร็จในธุรกิจนั้น อยากให้ลูกค้าเป็นคนตอบ ว่าวางแบรนด์อยู่เจริญไว้อยู่ตรงไหน เรามีหน้าที่รักษามาตรฐานและคุณภาพให้เห็น