ล็อกดาวน์ ไตรมาส 2 ทุบคอนโดฯเปิดใหม่ ครึ่งปีไม่ถึง 2.9 หมื่นล.

23 ส.ค. 2564 | 06:34 น.

สรุปตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 คำสั่งล็อกดาวน์ - เคอร์ฟิว กดความเชื่อมั่นผู้พัฒนาคอนโดฯ กทม. พบโครงการเปิดขายใหม่ลดฮวบ โผล่มาแค่ 4 โครงการ ยูนิตลดลงกว่า 31% ขณะครึ่งปีมูลค่าลงทุนมีไม่ถึง 2.9 หมื่นล้าน คลอลิเออร์สฯ คาดทั้งปี 2564 เหลือเปิดใหม่ 15,079 ยูนิต เท่านั้น

นาย ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด  เปิดเผยถึง ภาพรวมอุปทานคอนโดมิเนียม เปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียงแค่ 4 โครงการ 2,471 ยูนิตเท่านั้น   ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมเพียงแค่ 6,432 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 1,137 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ  31.5

 

โดยพบว่าจากอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดยังคงเป็นการพัฒนาโดยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มากที่สุด 1,236 ยูนิตหรือคิดเป็นร้อยละ 50.0 ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 4,482 ล้านบาท และผู้พัฒนานอกตลาดหลักทรัพย์อีก 585 ยูนิตหรือคิดเป็นร้อยละ 23.7 ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท และเป็นการพัฒนาโดยกรมธนารักษ์อีก 650 ยูนิตหรือคิดเป็นร้อยละ 26.3 

 

อุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่รายไตรมาส ช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2558 - ไตรมาสที่ 3 พ.ศ. 2564

 ล็อกดาวน์  ไตรมาส 2 ทุบคอนโดฯเปิดใหม่ ครึ่งปีไม่ถึง 2.9 หมื่นล.

ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีอุปทานโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมดเพียงแค่ 14 โครงการด้วยยูนิตขายทั้งหมด  6,079 ยูนิต เท่านั้น มูลค่าการลงทุนเพียงแค่ประมาณ  28,772 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.2 

 

สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร  คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ผู้พัฒนาส่วนใหญ่เริ่มประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มทยอยเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังคือประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และพบว่าผู้พัฒนาบางส่วนประกาศเลื่อนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงนี้ออกไป 

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยระลอกใหม่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มีผู้ป่วยรายใหม่ประจำวันมากกว่า 20,000 คนและตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อวัน เป็นผลให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปในทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมาตรการที่ออกมาในครั้งนี้อยู่ภายใต้หลักคิดจำกัดการเคลื่อนย้าย การรวมกลุ่มของบุคคลเฉพาะ กำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน ควบคู่ไปกับมาตรการเร่งรัดด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยาประชาชน

 

นอกจากนี้พบว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับปัญหาที่รัฐบาลประกาศสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลรวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลา 1 เดือนหลังพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในหลายแคมป์งานก่อสร้าง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก

 

อุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีพ.ศ. 2564 จำแนกตามพื้นที่ 

 ล็อกดาวน์  ไตรมาส 2 ทุบคอนโดฯเปิดใหม่ ครึ่งปีไม่ถึง 2.9 หมื่นล.
 

สำหรับอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2564 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ผ่านมา พบว่า ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากที่สุดจำนวน 3 โครงการ 1,831 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ  74.1 และตามมาด้วยในพื้นที่บริเวณรอบเมืองด้านทิศตะวันออก (สุขุมวิท, บางนา) จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 650 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 25.9  และพบว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรทั้งหมด  เนื่องจากผู้พัฒนายังคงเดินหน้าเลือกเปิดตัวโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอกที่มั่นใจในกำลังซื้อและมีระดับราคาขายต่อยูนิตไม่สูงมากนักเพื่อกำลังซื้อสามารถเข้าถึงได้ง่าย

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2564 คอลลิเออร์สฯ คาดการณ์ว่าจะมีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯในปีพ.ศ. 2564 จะมีเพียงแค่ ประมาณ 9,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครในปีนี้เหลือเพียงแค่ 15,079 ยูนิตเท่านั้น เท่ากับว่าอาจปรับตัวลดจากในปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 32.3  และส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอก ในระดับราคาขายที่ไม่สูงมากโดยเฉพาะในช่วงระดับราคา 50,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร ระดับราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทและ

 

การเปิดตัวจะกระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองที่สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก ใกล้แหล่งงาน หรือสถานศึกษา รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เนื่องจากทำเลเหล่านั้นยังคงมีที่ดินรอการพัฒนาอีกเป็นจำนวนมากและราคาที่ดินที่ยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในพื้นที่ใจกลางเมือง และยังสามารถพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทต่อยูนิตซึ่งเป็นราคาที่กำลังซื้อสามารถเข้าถึงได้ง่ายได้