46 ปี AOT : มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค

31 ก.ค. 2568 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2568 | 07:00 น.

ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (AOT) เริ่มต้นวิสัยทัศน์ด้วยความเรียบง่าย แต่ทรงพลังในการผลักดันองค์กรสู่ความเป็นเลิศในด้านมาตรฐานท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก .... จากจุดเริ่มต้น ไปสู่บทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของประเทศไทย ด้วยหัวใจบริการและมาตรฐานระดับสากล

1 กรกฎาคม 2568 ครบรอบ 46 ปี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ในฐานะสู่ประตูการบินของโลก AOT ไม่ได้เพียงแค่ย้อนมองความสำเร็จในอดีต แต่ได้ประกาศจุดยืนที่ทะเยอทะยาน ที่มุ่งมั่นติดปีกสนามบินไทยให้เป็นผู้นำระดับโลก ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจและศักยภาพอุตสาหกรรมการบินไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

 

วิสัยทัศน์การไปสู่ความเป็นเลิศด้านบริการ

"World Class Hospitality" ไม่ใช่เพียงแนวคิด แต่เป็นปรัชญาที่จะเปลี่ยนแปลงทุกการสัมผัสของผู้โดยสาร ดังที่นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT มองเห็นอนาคต

 "เราไม่ได้แค่ดูแลสนามบิน เราสร้างประสบการณ์ที่จะทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นเรื่องราวพิเศษ"

AOT มองเห็นภาพใหญ่ที่ไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ให้บริการท่าอากาศยาน แต่เป็น "ฟันเฟืองหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" – บทบาทที่จะยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค

ใน 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ผู้โดยสารที่เดินทางผ่าน 6 สนามบินหลักของ AOT มีจำนวนถึง 88.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.2% แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

วิสัยทัศน์ที่แท้จริงคือการมองไปข้างหน้า - การรองรับผู้โดยสารกว่า 130 ล้านคนในปี 2569 เที่ยวบินกว่า 859,000 เที่ยว และการขนส่งสินค้าประมาณ 1.64 ล้านตัน ตัวเลขเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้จริง

AOT ไม่ได้มองเห็นแค่โอกาส แต่กำลังสร้างอนาคตด้วยการลงทุนที่เป็นรูปธรรม

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่รองรับผู้โดยสาร 80 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573 ด้วยส่วนต่อขยายด้านตะวันออกและอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง จะได้รับการฟื้นฟูและขยายด้วยอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ที่จะเปิดให้บริการในปี 2573
  • ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะเปลี่ยนแปลงเป็นประตูสู่ภาคเหนือที่รองรับผู้โดยสาร 20 ล้านคนต่อปี
  • ท่าอากาศยานภูเก็ต จะขยายศักยภาพเป็น 18 ล้านคนต่อปี พร้อมรับนักท่องเที่ยวผู้หลงไหลในความงดงามของท้องทะเลไทย
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จะเพิ่มขีดความสามารถเป็นสองเท่า จาก 3 ล้านเป็น 6 ล้านคนต่อปี

เพิ่มประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ

AOT ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขและอาคารแต่ยังมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้โดยสารเกิดความประทับใจเชื่อมต่อการเดินทางแบบสะดวกรวดเร็วไร้รอยต่อ (Seemless Travel) โดยสถิติดีกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีสถิติผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเฉลี่ย 21 นาทีต่อคน ขาออกระหว่างประเทศ 27 นาทีต่อคน และผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ 14 นาทีต่อคน ขาออกภายในประเทศ 15 นาทีต่อคน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีสถิติผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเฉลี่ย 21 นาทีต่อคน ขาออกระหว่างประเทศ 22 นาทีต่อคน และผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ 8 นาทีต่อคน ขาออกภายในประเทศ 10 นาทีต่อคน ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งไม่ใช่เน้นบริการด้านความเร็วเพียงอยางเดียว แต่เป็นการบริหารจัดการที่คำนึงถึง ความสะดวกสบาย และคุณภาพของผู้ใช้บริการมากที่สุด
โครงการ "Suvarnabhumi Airport Experience Enhancement" จะเปลี่ยนแปลงสนามบินให้เป็นมากกว่าจุดทางผ่าน Kids and Gaming Zone, Relaxing Co-Working Space Zone และ Digital Park Seats จะทำให้การรอเครื่องบินกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ

 

อนาคตที่ไม่มีขีดจำกัด

วิสัยทัศน์ของ AOT ยังขยายไปไกลกว่าการบิน โครงการ "AOT Property Showcase" แสดงให้เห็นถึงการมองภาพใหญ่ 28 โครงการที่ผู้ลงทุนสนใจ ตั้งแต่โรงแรม ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ศูนย์บริการ Private Jet ไปจนถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แสดงถึงวิสัยทัศน์ของการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์
นางสาวปวีณา กล่าวว่า "AOT จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์เดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรกับผู้โดยสาร" นั่นไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นคำมั่นสัญญาต่อทุกคนที่เดินทางผ่านท้องฟ้าไทย
AOT ไม่ได้แค่ดูแลจัดการสนามบิน แต่กำลังสร้างอนาคตของประเทศไทย เป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบคมนาคมทางอากาศที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไกล และเป็นสะพานเชื่อมโยงความฝันของคนไทยกับโลกสู่อนาคต