“ประตูระบายน้ำศรีสองรัก” แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง ตามแนวพระราชดำริ

20 มี.ค. 2566 | 10:34 น.

“ประตูระบายน้ำศรีสองรัก” แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง ตามแนวพระราชดำริ

“เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ถิ่นที่อยู่อริยสงฆ์ มั่งคงความสะอาด” แค่เอ่ยสโลแกนประจำจังหวัดทุกคนก็ทราบแล้วว่าเป็นจังหวัดเลย ภายในจังหวัดมีพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางกิโลเมตรเศษ หรือ ประมาณ 7.14 ล้านไร่ มีพื้นที่การเกษตร 2,614,117 ไร่ พื้นที่ชลประทาน 149,781 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 5.6  เป็นหนึ่งในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบน มีลำน้ำสาขาต่างๆ ไหลมาบรรจบกัน รวมถึงแม่น้ำเลยเป็นแม่น้ำสายสั้น แต่มีพื้นที่รับน้ำมาก ทำให้ในฤดูฝนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ขณะที่ในช่วงฤดูแล้งกลับประสบปัญหาขาดแคลน เนื่องจากพื้นที่มีความลาดชันสูง จึงไม่สามารถสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้

จากปัญหาดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาสร้างฝายทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำตามความเหมาะสมในลำน้ำเลยตอนล่าง เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกสองฝั่งแม่น้ำเลยในเขตอำเภอเชียงคาน โดยระบายน้ำจากเขื่อนเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำเลยตอนบนลงมาเสริมปริมาณน้ำธรรมชาติที่ฝายทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำเลยตอนล่าง

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ดำเนิน “โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” บริเวณ อ.เชียงคาน ตามกรมชลประทานได้เสนอ ประกอบด้วย ประตูระบายน้ำศรีสองรัก (ช่องลัด) เป็นประตูระบายน้ำประเภทบานตรง กว้าง 15เมตร สูง 13.20 เมตร จำนวน 5 ช่อง สามารถระบายน้ำได้ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ ประตูระบายน้ำในลำน้ำเดิม (แม่น้ำเลย)เป็นประตูระบายน้ำประเภทบานตรง กว้าง 10 เมตร สูง 12.50 เมตร จำนวน 2 ช่อง สามารถระบายน้ำได้ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมประตูเรือสัญจร (NAVIGATION LOCK ) กว้าง 10 เมตร ยาว 77 เมตร พร้อมประตูระบายน้ำในลำน้ำเดิม (แม่น้ำเลย) ส่งน้ำด้วยระบบท่อส่งน้ำ ความยาวรวม 99 กิโลเมตร และสถานีสูบน้ำอีก 5 สถานี 
    
โดยในช่วงฤดูแล้งจะทำการปิดบานประตูระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ในลำน้ำ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนหรือการเกษตรของประชาชน ส่วนในช่วงฤดูน้ำหลากจะเปิดบานประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำลงสู่ลำน้ำเดิม(แม่น้ำเลย) แล้วเสร็จเมื่อปี 2563 สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำเดิมได้บางส่วน ทำให้พี่น้องเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากโครงการฯ ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ปัจจุบันการดำเนินการ มีผลงานคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ของแผนฯ หากดำเนินการจนแล้วเสร็จทั้งหมด จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรในฤดูฝนได้กว่า 72,500 ไร่ และในฤดูแล้ง 18,100 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 44 หมู่บ้าน 7 ตำบล มีประชากรได้รับประโยชน์รวมกว่า 9,287 ครอบครัว หากก่อสร้างแล้วเสร็จประตูระบายน้ำแห่งนี้ จะช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขังและปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก และเพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์จังหวัดเลยในด้านพัฒนาการท่องเที่ยว และพัฒนาคน สังคม คุณภาพชีวิตทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตรเพื่อสนับสนุนการค้า การลงทุนอีกด้วย