เปิดเส้นทางชีวิต “คุณพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” สู่อาณาจักรธุรกิจ “ดิไอคอนกรุ๊ป”

หากถามว่า “The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป)“ คือบริษัทอะไร หลายท่านอาจจะงงๆ ต้องค้นหาข้อมูล แต่ถ้าเฉลยพร้อมกับชี้ไปที่ “ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่” ที่ใช้พรีเซนเตอร์ 5 หนุ่มหล่อระดับดาราแถวหน้าของไทยแล้วละก็
 

นั่นละ กลยุทธ์การทำการตลาดที่สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ จาก “ดิไอคอนกรุ๊ป”
 

The iCon Group ก่อตั้งโดย “คุณพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” CEO ธุรกิจออนไลน์ น้องใหม่แห่งวงการ เจ้าของโปรเจ็คป้ายโฆษณา 5 หนุ่มดารา ดังกล่าว ที่เพิ่งเปิดตัว  พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดช ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของ “Boom iZ” (บูม ไอซี) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตา เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น และกลุ่ม First-Jobber ที่สนใจเรื่องสุขภาพ
 

แต่หากเอ่ยเชื่อ “คุณพอล-วรัตน์พล” ในแวดวงธุรกิจออนไลน์ อาจจะต้องยอมซูฮก ปรบมือให้กับกลยุทธ์สุดปัง ดันยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ดิไอคอนฯ เป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดแบรนด์หนึ่ง เพราะเขาคือผู้คร่ำหวอดในวงการนี้
 

“ผมไม่ได้บอกว่าทำหลายๆอย่างมันไม่ดีนะ แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ดิไอคอนฯ เติบโตอย่างทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นคือเราเข้าใจตัวเอง เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก็โฟกัสมันทุกวัน หลายคนอยู่ในธุรกิจออนไลน์มาก่อน แต่พอเริ่มเติบโตแล้วก็ไม่ได้โฟกัส ไปสนใจธุรกิจอื่นบ้าง ไปลงทุนอย่างอื่นบ้าง แล้วก็เสียสมาธิกับสิ่งนี้ไป แต่สำหรับผมมากกว่า 13 ปี ผมไม่เคยทำอาชีพอื่น ผมไม่ได้ฉลาดกว่าใคร แต่ก็ฉลาดมากพอที่จะตั้งใจในสิ่งที่ทำ และทำซ้ำไปเรื่อยๆ” CEO ดิไอคอน กรุ๊ปฯ เปิดบทสนทนาถึงแนวทางการทำธุรกิจ

ถอดวิธีคิด-เส้นทางชีวิต จากงานพาร์ทไทม์ สู่การหันหลังให้งานประจำ
 

แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ คุณพอล วรัตน์พล ชีวิตของไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เขาไต่เต้าจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟ พาร์ทไทม์ เคยเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นพนักงานขาย และอีกหลายงานที่ต้องสู้ชีวิตเพื่อแลกกับรายได้หาเลี้ยงชีวิต
 

คุณพอล วรัตน์พล ใช้คำว่า “จุดเริ่มต้นมาจากความไม่มีครับ เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่เราต้องการ เมื่อเราอยากมีชีวิตที่ดี แต่มันไม่มีก็ต้องทำเอาเอง หาเอง มันก็เริ่มจากตรงนั้น”
 

พร้อมกับย้อนอดีตในชีวิตให้ฟังว่า ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก ต้องทำงานตั้งแต่ตอนเรียน ทั้งการเป็นเด็กเสิร์ฟเบียร์ตอนกลางคืน ทำงานพิเศษ จนกระทั่งเริ่มงานประจำเพื่อแลกกับเงินเดือน 6,000 บาท ด้วยการเป็นฝ่ายการตลาดให้บริษัทแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าเงินแค่นั้นไม่พอใช้ ต้องอาศัยความขยัน ทำงานพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
 

คุณพอล วรัตน์พล เล่าถึงชีวิตในช่วงทำงานประจำว่า มาทำงานเป็นคนแรกๆ แต่กลับบ้านเป็นคนเกือบสุดท้ายเสมอ ซึ่งความขยันเช่นนี้ ก็ตอบแทนเขาด้วยเงินเดือนประจำก่อนออกจากงานที่ตัวเลข 60,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนั้นเขาถือว่าโอเคสำหรับตัวเอง แต่ก็ไม่ดีพอจะดูแลครอบครัว เขาจึงตัดสินใจลาออก เพื่อมาเข้าสู่ธุรกิจการขายอย่างเต็มรูปแบบ
 

“ณ วันนั้นความรู้ ประสบการณ์ เรามีได้เท่านั้น แต่พอทำได้ดีขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น บวกกับความขยันเป็นพื้นฐาน รายได้ก็เยอะขึ้น ผมเชื่อว่าความขยันเป็นพื้นฐาน แต่จุดตัดที่ทำให้คนขยันแล้วรวยต่างจากอีกคนหนึ่งคือมันต้องขยันถูกที่ และเป็นที่มาของการออกจากงานเพื่อลงมือทำอะไรสักอย่างที่คิดไว้”

จุดเริ่มต้นธุรกิจขายออนไลน์ครั้งแรก ในยุคที่สังคมไม่เชื่อถือ
 

คุณพอล วรัตน์พล เริ่มเล่าถึงช่วงการหันหลังงานให้งานประจำสู่ธุรกิจออนไลน์งานแรก ว่า เริ่มต้นด้วยขายกระเบื้องออนไลน์ เริ่มจากไปเรียนเขียนเว็บไซต์ ศึกษาแพลตฟอร์มการทำธุรกิจ E-Commerce ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งตอนนั้นธุรกิจขายออนไลน์เมื่อสิบกว่าปีเทียบกับปัจจุบันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ข้อดีและเสน่ห์ของการขายออนไลน์คือ “การเปิดกว้างให้คนไม่มีทุน ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีที่สต็อกของก็ยังทำธุรกิจได้” ด้วยแนวทางการจับทางการตลาดที่ได้ศึกษาในหลายๆธุรกิจมานั้น ทางคุณพอล  วรัตน์พล เอง มองว่าคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จึงได้เริ่มศึกษาและต่อยอดในส่วนของโปรดักซ์ด้านสุขภาพอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดออนไลน์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ว่าอยากจะทำการขายในออนไลน์ให้ได้ดีที่สุด
 

“ยุคนั้นมันต้องเริ่มใหม่หมด สมัยก่อนไม่มีเฟซบุ๊ก ผมต้องไปเรียนเขียนเว็บไซต์ เรียนการทำ SEO และในเมื่อผมเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมทำเองหมดทุกหน้าที่ ตั้งแต่เซลล์ บัญชี ผู้จัดการ สต็อกสินค้า เป็นทุกอย่าง”
 

คุณพอล วรัตน์พล เปรียบเทียบให้เห็นถึงคนขายของออนไลน์ในยุคนั้นว่า จุดอ่อนคนขายออนไลน์ ในยุคเริ่มแรกคือภาพลักษณ์ของคนขายของออนไลน์คือ ขาดความน่าเชื่อถือ ยังต้องการปิดการซื้อขายด้วยธุรกรรมแบบออฟไลน์อยู่  พร้อมกับยกตัวอย่างให้เห็นว่า เขาใช้ออนไลน์ในการนำเสนอตัวตน แต่เมื่อถึงการจะอธิบายถึงสินค้า และการขาย ยังคงใช้วิธีนัดพบกัน เพื่อนำตัวอย่างกระเบื้องไปให้ดู
 

“ทำตัวเหมือนเซลล์ นัดเจอได้ทุกเวลา ทั้งห้าง ในไซต์งานก่อสร้าง พอเจอตัวเป็นๆ แล้วเราขายความจริงใจ มันสัมผัสได้ และเมื่อเขาสั่งสินค้าไป การออกบิลในนามบริษัทก็มีจริงทุกอย่าง มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ แม้ว่าเราจะไม่มีที่ทำการบริษัทหรือจำนวนพนักงานมากมาย”

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากตัวแทนจำหน่าย สู่การก่อตั้ง “ดิไอคอนกรุ๊ป”

คุณพอล วรัตน์พล เล่าถึง จุดเปลี่ยนของชีวิตธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว “ดิไอคอนกรุ๊ป” ด้วยอาศัยประสบการณ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายร่วมๆ 10 ปี ทั้งขายกระเบื้อง ขายอาหารเสริม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว จนถึงวันที่ถกเถียงกับตัวเองว่า
 

การเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ไปได้ สามารถโตได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของโรงงานเอง แต่ก็ค้นพบคำตอบให้กับตัวเองที่ว่า “ถ้าเรามีศักยภาพมากพอ แล้วเราสร้างบริษัทขายของออนไลน์ในฝันมันจะดีไหม เมื่อคิดแล้วก็อยากทำ เพราะนี่คือความฝันในอาชีพ เราจะต่อยอดการขายออนไลน์ให้ดีที่สุด
 

เมื่อตกผลึกกับคำตอบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ The iCon Group กับผลิตภัณฑ์แจ้งเกิดคือ บูม คอลลาเจน (Boom Collagen) โดยมี “ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน” เป็นพรีเซนเตอร์ ก่อนที่จะแตกไลน์ไปสู่สินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริมความงาม ภายใต้จุดยืนหลักคือ “สินค้าต้องมีคุณภาพและสร้างความแตกต่าง” เพราะอย่าลืมว่านี่คือกระดูกสันหลังหลักของการค้าขาย
 

ดิไอคอน พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ของตัวเอง  ลงทุนสร้างทีมการตลาด ทีมโปรดักส์ชั่นของตัวเอง แทนการจ้าง Outsource และเดินหน้าสู่การเป็น “สถาบันในการสอนขายออนไลน์” เพื่อช่วยตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ตลอดจนนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญแต่ต้องการอัปเดตความรู้อย่างต่อเนื่อง
 

มีคอร์สเรียนออนไลน์ เพื่ออัปเดตเทรนด์ตลาด พร้อมทั้งความรู้ในการทำธุรกิจให้อย่างครบถ้วน เมื่อเรียนจบแล้ว มีโค้ชและที่ปรึกษาทางการตลาดที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องการขายตลอดการทำธุรกิจ
 

คุณพอล ย้ำว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ไม่ได้เป็นแค่ในวันเดียว เพราะเริ่มต้นจากซื้อมาขายไป สั่งผลิตใน Volume เล็กๆ แต่เมื่อเติบโตขึ้น มีพาร์ทเนอร์เยอะขึ้น มีความชำนาญมากขึ้น ประสบการณ์เหล่านั้นจะสอนเรา และเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทรนด์อื่นๆที่จำเป็นในการขายออนไลน์
 

คุณพอล กล่าวทิ้งท้ายสรุปให้ฟังน่าสนใจว่า ถ้าถามว่าเป้าหมายคืออะไร ก็หวังว่า ดิไอคอน จะเติบโตขึ้นในทุกปี แม้จะเติบโตทีละน้อยแต่ก็ต้องโตขึ้น และในเมื่อธุรกิจออนไลน์ยังมีโอกาส ดิไอคอนก็อยากเป็นสถาบันที่สอนให้คนเข้าใจในธุรกิจออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา
 

“ตั้งแต่เข้าวงการขายออนไลน์มา ผมโฟกัสตลอดมากกว่า 13 ปี ผมใส่ใจกับมัน ผมไมได้ฉลาดกว่าใคร แต่ก็ฉลาดพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีขึ้น ทุกธุรกิจมีระยะเวลาต้องพิสูจน์ ไม่ว่าจะออนไลน์หรืออฟไลน์ เราต้องรอคอยให้ได้ รอคอยความสำเร็จให้เป็น”