คาดหวังรัฐบาลใหม่” ลดค่าไฟ” ขึ้นค่าแรง–ประกันสินค้าเกษตร ต้องดูให้รอบด้าน

06 มี.ค. 2566 | 02:36 น.

ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดจะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วประเทศในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท ขณะที่พรรคการเมืองได้โหมโรงหาเสียงเลือกตั้ง โดยส่วนใหญ่ชูนโยบาย “ประชานิยม” เกทับแบบไม่มีใครยอมใคร

ต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ในมุมมองภาคเอกชนจะเป็นอย่างนั้น “นายชัยชาญ  เจริญสุข” ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ไว้อย่างน่าสนใจ

-นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่โดนใจในฐานะภาคธุรกิจ / ประชาชน และมองว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ อย่างไร

ในมุมมองภาคการส่งออก เรื่องต้นทุนการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะค่าพลังงาน (น้ำมันดีเซล) / ค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นเป็น 5 บาทต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนต้นทุนภาคการผลิตที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาะค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่าไทย

ด้วยเหตุนี้นโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการของพรรค อาจต้องมองแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นอันดับแรก อาทิ การเพิ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ต้นทุนต่ำ ลดการพึ่งพา Natural Gas (NG) / Liquefied Natural Gas (LNG) หรือปรับสูตรค่าไฟฟ้า/และ Margin ที่ขายให้โรงไฟฟ้าโดยลดอัตราผลตอบแทนต่อปี หรือส่งเสริมให้มีกลไกตลาดเสรีของพลังงาน / ไฟฟ้าจากการเปิดให้บุคคลอื่นเข้ามาแข่งขัน เป็นต้น

คาดหวังรัฐบาลใหม่” ลดค่าไฟ” ขึ้นค่าแรง–ประกันสินค้าเกษตร ต้องดูให้รอบด้าน

ผู้ประกอบการ SME / Startup ที่เป็นผู้ส่งออกรายย่อยหรือผู้ส่งออกหน้าใหม่ให้มีโอกาสและพื้นที่ในการทำธุรกิจ หรือร่วมลงทุนธุรกิจกับบริษัทในประเทศและต่างประเทศขนาดใหญ่ สร้างโอกาสและนำเม็ดกลับเข้าประเทศได้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อน การศึกษาวิจัย พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าว

ภาคการเกษตร การสนับสนุนงบเพื่อประกันราคาสินค้าเกษตร อาจต้องพิจารณาให้รอบด้าน ต้องมองเรื่องของการยกระดับเกษตรกร พัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้โดยตรง ส่งเสริมการผลูกพื้นเศรษฐกิจตัวใหม่ลดความหน้าแน่นของซัพพลายที่ส่งผลต่อราคา สนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักรในการทำเกษตรแปรงใหญ่ ส่งเสริมช่องทางทำการตลาดให้เกษตรสามารถเข้ามาบริหารจัดการได้เองเพื่อลดวงจรการกำหนดราคาจากคนกลางหลายทอด

คาดหวังรัฐบาลใหม่” ลดค่าไฟ” ขึ้นค่าแรง–ประกันสินค้าเกษตร ต้องดูให้รอบด้าน

 -นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนจบปริญญาตรี 25,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร และเป็นไปได้แค่ไหน

ค่าแรงขั้นต่ำ ล่าสุดที่ได้มีการปรับขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 คิดเป็นร้อยละที่ปรับขึ้นเฉลี่ยทั่วประเทศ 5% หรือกรอบจำนวนเงินที่ปรับขึ้นประมาณ 10-25 บาท หรือ 328 – 354 บาทต่อคนต่อวัน ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำล่าสุดสะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมาที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงและเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายจริงที่ปรับเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันของแรงงาน

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นการดึงเงินของผู้ประกอบการหรือนายจ้างไปจ่ายค่าจ้าง ซึ่งการปรับค่าแรงขั้นต่ำมีกระบวนการ ขั้นตอนในการดำเนินงานอย่างชัดเจนโดยผ่านคณะกรรมการไตรภาคี โดยมีการหารือเพื่อทบทวนแนวทางการปรับขึ้นค่าแรงเป็นระยะต่อเนื่อง พร้อมทั้งต้องประเมินตามทิศทางสภาพเศรษฐกิจ ณ ช่วงเวลานั้นเป็นสำคัญ

การที่แต่ละพรรคการเมืองออกแคมเปญ ด้วยการกำหนดตัวเลขที่ค่อนข้างสูงนั้น อาจต้องพิจารณาถึงความเป็นได้ของสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาพการทางธุรกิจ (Business environment) ความอยู่รอดของผู้ประกอบการในการประคับประคองธุรกิจจากต้นทุนรอบด้านที่ปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกันด้วยประการหนึ่ง

การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเร็วเกินไป อาจส่งผลต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในการตัดสินใจ  ดังนั้นภาครัฐควรมีงบประมาณเสริมศักยภาพแรงงานอย่างต่อเนื่องให้เปลี่ยนจากแรงงานไร้ฝีมือ เป็นแรงงานฝีมือ