KEY
POINTS
วันที่ 16 ธันวาคม 2568 พรรคเพื่อไทยจัดงาน “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” เพื่อเปิดตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคจำนวน 3 คน ได้แก่
นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ท่ามกลางบรรยากาศการรวมตัวของแกนนำ สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุน โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์อย่างพร้อมเพรียง
ไฮไลต์ของเวทีอยู่ที่การปราศรัยของ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบุตรชายของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศอาสานำประเทศฝ่าวิกฤตครั้งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “แยกแห่งความหวัง” พร้อมย้ำว่า “สำหรับคนไทย ทุกอย่างเป็นไปได้ หากมีโอกาสและแรงสนับสนุนที่ถูกต้อง”
นายยศชนัน เล่าถึงเส้นทางชีวิตที่เติบโตในครอบครัวข้าราชการ เดินทางใช้ชีวิตในหลายภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก จนถึงกรุงเทพฯ จนยากจะนิยามตนเองว่าเป็นคนจังหวัดใด แต่ยืนยันชัดว่า “เป็นคนไทย” พร้อมสะท้อนแนวคิดที่ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวว่า ประเทศไทยคือแผ่นดินแห่งโอกาส
ในมิติการทำงาน นายยศชนัน ฉายภาพจากนักวิชาการสู่ผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยเริ่มรับราชการเป็นอาจารย์ในปี 2551 ทำงานด้านการวิจัย การต่างประเทศ บัณฑิตศึกษา และ การสื่อสารองค์กร
ก่อนขยับบทบาทสู่การบริหารสถาบันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดูแลสตาร์ทอัพ การเชื่อมโยง SMEs กับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาในระดับประเทศและนานาชาติ และก้าวสู่ตำแหน่งรองคณบดี ดูแลการวิจัยทั้งมหาวิทยาลัย ในฐานะศาสตราจารย์สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์
หนึ่งในผลงานที่ นายยศชนัน ภาคภูมิใจ คือ การพัฒนาอุปกรณ์เชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้พิการขั้นรุนแรงให้กลับมาใช้ชีวิตได้ด้วยตนเอง รวมถึงการต่อยอดสู่สตาร์ทอัพตรวจจับอาการหลับในแบบเรียลไทม์ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความพิการในประเทศไทย
พร้อมยกตัวอย่างการเข้าร่วมการแข่งขัน Cyborg Olympics ที่เริ่มจากความพ่ายแพ้ ก่อนพัฒนาจนคว้าเหรียญเงิน และตั้งเป้าเห็นเด็กไทยยืนบนเวทีเหรียญทองในอนาคต
นายยศชนัน เชื่อว่า วิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เพราะเป็นการซ้อนทับของเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งยกบทบาทผู้นำรัฐบาลในสายเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคไทยรักไทยจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามต่อสู้กับปัญหาเชิงโครงสร้างมาอย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญอุปสรรคทางการเมือง
ในเชิงนโยบาย นายยศชนัน เสนอการ “ยกเครื่อง GDP ประเทศไทย” ด้วยการอัปเกรดเครื่องยนต์เศรษฐกิจ 3 เสาหลัก ได้แก่
1.ภาคการเกษตร
2.ภาคอุตสาหกรรมการผลิต
3.ภาคการบริการ
โดยผสานเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ในทุกมิติ พร้อมเตรียมคนรองรับเศรษฐกิจใหม่ สร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย ความมั่นคงทางการเมือง และผลักดันการต่อต้านคอร์รัปชันให้เป็นวัฒนธรรม
“วันนี้ประเทศไทยยังไม่ถึงทางตัน เราอยู่ที่แยกแห่งความหวัง หากยังทำการเมืองแบบเดิม เราจะเลี้ยวเข้าสู่ความมืด แต่ถ้าเริ่มใหม่ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และใช้ศักยภาพคนไทย ทุกอย่างเป็นไปได้” นายยศชนัน กล่าว
พร้อมทิ้งท้ายว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงหัวใจของประชาชน และเชื่อมั่นว่าการรวมพลังจาก “ไทยรักไทย” สู่ “เพื่อไทย” บวกกับคนรุ่นใหม่ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการยกเครื่องประเทศไทยอีกครั้ง