'นายกฯ' ย้ำไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง งานแต่ง-งานบวช จัดได้ ยึดความเหมาะสม

25 ต.ค. 2568 | 09:29 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ต.ค. 2568 | 09:52 น.

นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่ห้ามการจัดกิจกรรมรื่นเริง แต่ขอให้ดำเนินการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ งานแต่งงานและงานบวช สามารถจัดได้ตามประเพณี สถานประกอบการจำหน่ายสุรา เปิด–ปิดได้ตามปกติ แต่ขอให้ผู้ประกอบการใช้วิจารณญาณ ไม่จัดเกินขอบเขต

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งห้ามภาคเอกชนจัดงานรื่นเริง คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมบันเทิงต่างๆ
  • งานประเพณี เช่น งานแต่งงานและงานบวช สามารถจัดได้ตามปกติ
  • การจัดกิจกรรมขอความร่วมมือให้ผู้จัดและผู้ประกอบการใช้ดุลยพินิจพิจารณาตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงเวลาถวายความอาลัย

ที่ทำเนียบ วันนี้  ( 25 ต.ค.68)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึง ความชัดเจนของมติคณะรัฐมนตรี ที่ขอความร่วมมือภาคธุรกิจบันเทิงและสถานบันเทิง งดหรือลดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงตามความเหมาะสม

โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้สั่งห้ามภาคเอกชนจัดงานรื่นเริงหรือคอนเสิร์ต โดยขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว ซึ่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงแล้วว่าไม่ได้มีการห้าม

ส่วนที่มีข้อสงสัยจากภาคประชาชนว่า งานแต่งงานหรืองานบวช สามารถดำเนินการได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า งานที่เป็นประเพณีปฏิบัติได้ตามปกติ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถมีได้เป็นปกติอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีการกำหนดเวลาเปิด–ปิดสถานบันเทิงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงขอขอบคุณผู้ประกอบการที่พยายามดำเนินกิจกรรมอย่างเหมาะสม ไม่สร้างบรรยากาศที่ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัย รวมถึงได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการและผู้เข้าร่วมกิจกรรมรับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว โดยมีการจัดพิธีถวายพระเกียรติก่อนเริ่มการแสดง 

ขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ ที่ท่านพยายามที่จะไม่ทำให้เป็นโทนหนัก และพยายามทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมถึงพยายามจะประกาศให้ผู้ที่มาใช้บริการหรือมาร่วมกิจกรรมรับทราบ ว่าขณะนี้อยู่ในห้วงเวลาในการถวายความอาลัย  เพื่อให้เข้าใจว่าจะได้เกินขอบเขต โดยจะมีการถวายพระเกียรติก่อนการแสดง 

นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจะสามารถใช้ดุลยพินิจในการดำเนินกิจการให้อยู่ในกรอบที่สมควรต่อไป

 

ส่วนที่ประชาชนตั้งคำถามถึงเกณฑ์ของคำว่าความเหมาะสมอยู่ตรงจุดใดนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ต้องอาศัยดุลยพินิจในการพิจารณา ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดตายตัว เพราะเชื่อว่าผู้จัดกิจกรรมและผู้ประกอบการสามารถพิจารณาได้ด้วยตนเองตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี

ผมเชื่อมั่นในวุฒิภาวะของผู้ประกอบการ และพี่น้องประชาชนชาวไทย ว่าสามารถแสดงออกได้อย่างเหมาะสมต่อสถานการณ์