สระแก้วซ้อมแผนอพยพประชาชน รับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน พรุ่งนี้

11 ต.ค. 2568 | 11:12 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ต.ค. 2568 | 11:22 น.

จังหวัดสระแก้วซ้อมแผนอพยพประชาชน รับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน พรุ่งนี้ กองทัพภาคที่ 1 คุมเข้มบ้าน “หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” เก็บทุ่นระเบิดต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • จังหวัดสระแก้วประกาศซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ชายแดนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
  • การซ้อมแผนมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐ ในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
  • การเตรียมความพร้อมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด แม้ภาพรวมยังคงสงบ

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 จังหวัดสระแก้วได้ออกประกาศแจ้งเตรียมความพร้อมประชาชนตามแนวชายแดน ให้ร่วมการ ซ้อมแผนอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อจำลองสถานการณ์และทดสอบความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

โดยจะดำเนินการในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ทางจังหวัดขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ชายแดนทุกหมู่บ้าน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อรับทราบข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้อง

                         สระแก้วซ้อมแผนอพยพประชาชน รับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน พรุ่งนี้
วันเดียวกัน (11 ต.ค. 68) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว เวลา 15.00 น. ว่า พื้นที่ยังคงสงบโดยรวม แต่มีการติดตามอย่างใกล้ชิดใน 2 จุดสำคัญ คือ บ้านหนองจาน และ บ้านหนองหญ้าแก้ว

พื้นที่บ้านหนองจาน

ฝ่ายไทยมีประชาชน พ่อค้าแม่ค้า และสื่อมวลชนรวมกว่า 200 คน เข้าพื้นที่ เพื่อร่วมกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “รักชาติหวงแหนอธิปไตยไทย” โดยมี นายวีระ สมความคิด เข้าร่วมและประกาศจุดยืนให้ภาครัฐดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

นอกจากนี้ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ยังได้มอบ ตู้คอนเทนเนอร์ ให้เจ้าหน้าที่ใช้ประโยชน์ทางยุทธการในการเสริมแนวปฏิบัติของกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา)

ทางฝั่งกัมพูชา พบประชาชนและเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อยู่ประมาณ 30–40 คน ทั้งสื่อมวลชน ทหาร และตำรวจ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังโดย ฉก.อรัญประเทศ, ฉก.ตาพระยา, ตชด., ทหารพราน และชุดควบคุมฝูง เพื่อดำเนินการตามมาตรการ “จากเบาไปหาหนัก”

พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว

สถานการณ์ยังสงบเช่นกัน โดยพบมวลชนบางส่วนอยู่ในพื้นที่ ฝั่งกัมพูชามีประชาชน สื่อมวลชน และกลุ่มปลุกระดมรวมประมาณ 150–200 คน บริเวณรั้วลวดหนามและรอบหมู่บ้านเปรยจัน มีเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชาอำนวยความสะดวกและเชิญสื่อทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูล
ด้านกองกำลังบูรพาได้จัดชุดเก็บกู้และตรวจค้นวัตถุระเบิดจำนวน 7 ชุด พร้อมอุปกรณ์ตรวจสอบและรถถากถางหุ้มเกราะ D5 เข้าพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อเคลียร์ทุ่นระเบิดที่คาดว่าตกค้าง โดยคาดว่าจะใช้เวลา 3–4 วัน เพื่อทำให้พื้นที่ปลอดภัยทั้งหมด

ดำเนินการเด็ดขาดหากถูกรุกล้ำ

กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อการรุกล้ำอธิปไตยของไทย โดยจะเลือกปฏิบัติในช่วงเวลาที่ได้เปรียบ เพื่อให้บรรลุผลทางยุทธวิธีสูงสุด พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

ขณะเดียวกัน พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือครอบครัวของกำลังพลที่ได้รับผลกระทบ เช่น กรณีมีบุพการีเจ็บป่วยไม่มีผู้ดูแล หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความกังวลใจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แนวหน้า และสร้างขวัญกำลังใจให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มศักยภาพ

ภาพรวมสถานการณ์

ทั้งจังหวัดสระแก้วและกองทัพภาคที่ 1 ยังยืนยันสถานการณ์ทั่วไปตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา อยู่ในภาวะปกติ แต่มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ทั้งในด้านความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชน และการรักษาเขตแดนตามหลักสากล เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและการยั่วยุจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง